26/5/2560

SME ต้องขยับ รับสังคมไร้เงินสด

​     คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาจนกระทั่งเข้านอน ในยุคที่ดิจิทัลแทรกอยู่กับเราอย่างแยกไม่ออกแบบนี้ จะซื้อหาจับจ่ายใช้สอยอะไรก็แทบไม่ต้องถือเงินสดกันอีกต่อไปแล้ว เงินเข้าเงินออกเป็นเพียงตัวเลขแสดงในบัญชีเท่านั้น จึงเป็นที่มาของคำว่า “สังคมไร้เงินสด” ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอาจมองว่า เป็นเรื่องไกลตัวที่หลายคนยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคืออะไรกันแน่ ทำไมภาครัฐต้องผลักดันให้เกิดขึ้นมา การลดการใช้เงินสดลงได้ มันเกี่ยวกับผู้ประกอบการอย่างเราตรงไหน

     จริงๆ แล้วเราคุ้นเคยกับการใช้ Internet Banking หรือการทำธุรกรรมการเงินผ่านทางออนไลน์กันมาพอสมควร ผู้ประกอบการหลายท่านสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคารได้มาก หากพิจารณาดูแล้วจะพบว่า การใช้เงินสดนั้นมีต้นทุนสูงมาก ทั้งเรื่องเวลา ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และยังมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ผู้ประกอบการ ธนาคาร และรัฐบาลล้วนต้องแบกรับเอาไว้ถ้วนหน้า โดยวงจรการหมุนเวียนของเงินสดนั้นเริ่มจากเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็มแล้วเอาเงินสดไปจ่ายเพื่อซื้อสินค้ากับผู้ขาย เมื่อผู้ขายได้รับเงินมาก็นำเงินนั้นกลับไปฝากธนาคาร จากนั้นธนาคารก็จะเอาเงินกลับไปใส่ไว้ในตู้เอทีเอ็มใหม่ ซึ่งวงจรทั้งหมดนี้มีต้นทุนเกิดขึ้นในทุกขั้นตอน แล้วต้นทุนทั้งหมดจะถูกบวกเข้าไปรวมอยู่ในค่าสินค้าและบริการ ทำให้ต้องต้องราคาขายแพง สุดท้ายก็สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

     ดังนั้นหากเราก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดได้ นั่นเท่ากับว่าเราจะสามารถลดต้นทุนที่เกิดจากการใช้เงินสดลงได้เช่นกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างเราๆ ได้ประโยชน์ในการทำธุรกิจดังต่อไปนี้

1. ลดต้นทุนธุรกิจ ลดต้นทุนในการจัดการเงินสดและเช็คด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าการโอนเงินแบบเดิมมาก ไม่ว่าจะโอนข้ามเขตหรือต่างธนาคาร และยังลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร รวมทั้งสามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง

2. ง่ายต่อการบริหาร รู้สถานะเงินเข้าออกบัญชี เนื่องจากใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีแทนเลขบัญชีธนาคาร จึงทำให้มีบัญชีหลักเพียงบัญชีเดียวในการรับและจ่ายเงิน ซึ่งก็คือการเดินบัญชีกับธนาคารนั่นเอง ทำให้ธนาคารเห็นกระแสเงินสด สามารถเข้าถึงเงินทุนง่ายขึ้นด้วย

3. ค้าขายคล่อง เนื่องจากความสะดวกในการชำระเงิน จึงสามารถขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ทุกรูปแบบ และรับชำระเงินผ่าน Internet / Mobile Banking หรือบัตรเดบิต บัตรเครดิต และบัตร e-Money นอกเหนือจากเงินสดเพื่อให้ลูกค้ามีช่องทางการซื้อสินค้าและชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งยังจดจำง่ายเพราะใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องมีบัญชีหลายธนาคาร และหากมีการเปลี่ยนแปลงเลขบัญชีก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งเลขบัญชีใหม่ให้คู่ค้าทุกรายรู้ เพราะสำหรับคู่ค้าแล้วจะยังใช้เลขเดิมในการโอนเงิน

4. ติดต่อภาครัฐสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนการยื่นเอกสารกับทางราชการ และได้รับเงินจากรัฐอย่างเช่น การทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับภาษี สามารถยื่นเอกสารประกอบการเสียภาษีและชำระค่าภาษีผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งสามารถออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับลูกค้าได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระในการจัดทำเอกสารที่เป็นกระดาษและการนำส่งเอกสารระหว่างกันได้รวดเร็วขึ้น

5. ลดความเสี่ยงให้ธุรกิจ สามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจากการปฏิบัติงานผิดพลาดของพนักงานและการทุจริต รวมถึงลดขั้นตอนการตรวจสอบ หรือการจัดเก็บเอกสารทางการเงิน โดยทำธุรกรรมการชำระเงินกับคู่ค้าผ่านระบบออนไลน์

     ผู้ประกอบการยุคดิจิทัลจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับสังคมไร้เงินสดที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ธุรกิจควรจัดทำระบบบัญชีให้ความถูกต้องมากขึ้น โดยเฉพาะการทำบัญชีเดียว หมดยุคเลี่ยงภาษีแบบเดิมๆ แล้ว เนื่องจากเส้นทางของเงินทุกอย่างจะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรหันมาศึกษาเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพราะการทำธุรกิจในยุคนี้ชนะกันด้วยการวางแผนภาษีที่ดี ไม่ใช่การเลี่ยงภาษี