กสิกรไทยขับเคลื่อนด้วย ESG วางยุทธศาสตร์ นำพาลูกค้าและธุรกิจไทยเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน มุ่งมั่นเป็นธนาคารชั้นนำด้าน ESG ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าปรับการดำเนินงานของธนาคารและเสริมศักยภาพลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ Net Zero อัดฉีดสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าไปสู่ 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 พร้อมขับเคลื่อนสังคมช่วยลูกค้ารายเล็กให้เข้าถึงสินเชื่อ โดยในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) ปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายเล็กกว่า 5 แสนราย มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท เล็งขยายสินเชื่อรายเล็กให้ได้ 1.9 ล้านราย ภายในปี 2568 ขณะเดียวกันทุกสินเชื่อโครงการและเครดิตเชิงพาณิชย์ของลูกค้าขนาดกลางขึ้นไป เข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยง ESG ครบ 100% แล้ว และพร้อมเดินหน้าสร้างความร่วมมือทั้ง Ecosystem เพื่อให้ลูกค้า สังคม และประเทศ เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากบริบทการดำเนินธุรกิจทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงมุ่งสู่วิถีแห่งความยั่งยืนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่ผู้บริโภคนำประเด็นความยั่งยืนมาประกอบการตัดสินใจ นักลงทุนใช้เกณฑ์ ESG ประกอบการพิจารณาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลทั้งในและต่างประเทศออกมาตรการด้าน ESG ที่ภาคธุรกิจต้องปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากธุรกิจปรับตัวไม่ทันจะทําให้ต้นทุนในอนาคตสูงขึ้น ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสินค้าและบริการสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน แต่หากปรับตัวได้ทันก็จะสามารถคว้าโอกาสไว้ได้
ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารที่ดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นความสำคัญจำเป็นเร่งด่วนและโอกาสต่อเศรษฐกิจไทย ได้ประกาศ KBank ESG Strategy 2566 วางยุทธศาสตร์เรื่องการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการ ESG โดยกำหนดกลยุทธ์การทำงานที่เป็นระบบ เน้นการวัดผล และพัฒนาการดำเนินงานตามหลักการและมาตรฐานสากล พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน ESG ของกลุ่มธนาคารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำพาลูกค้าและธุรกิจไทยเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน โดยมีแผนงานและเป้าหมายในมิติต่าง ๆ ดังนี้
มิติสิ่งแวดล้อม ธนาคารกสิกรไทยประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ทั้งในการดำเนินงานของธนาคาร (Scope 1 และ 2) และในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร (ขอบเขตที่ 3) โดยในปี 2565 มีการดำเนินงาน แล้ว ได้แก่
- ปรับกระบวนการทำงานของธนาคาร (Scope 1 และ 2) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ทยอยเปลี่ยนรถยนต์เป็น EV ติดตั้ง Solar Roof บนอาคารสำนักงาน และสาขาที่ธนาคารเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 13.52% (เทียบปีฐาน 2563) และตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของธนาคารอย่างต่อเนื่อง สู่เป้าหมาย Net Zero ใน Scope 1 และ 2 ภายในปี 2573
- ดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร (Scope 3) เริ่มจากการประเมินก๊าซเรือนกระจกในพอร์ตโฟลิโอสินเชื่อของธนาคาร ศึกษาความเป็นไปได้และความซับซ้อนในการปรับเปลี่ยนโดยพิจารณาบริบทของประเทศ และนำมาจัดลำดับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเร่งด่วน ซึ่งในปี 2565 ธนาคารประเมินและจัดทำแผนกลยุทธการลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม (Sector Decarbonization Strategy) จำนวน 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และกลุ่มเหมืองถ่านหิน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 27% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร (Portfolio Emission) และเตรียมขยายการทำงานร่วมกับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญอื่น ๆ ตามลำดับ เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ตามเป้าหมายของประเทศไทย
- สนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing (Loan) and Investment) ธนาคารให้สินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในปี 2565 ไปแล้วกว่า 16,000 ล้านบาท และเตรียมจัดสรรเงินทุนด้านความยั่งยืนรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างต่อเนื่องรวม 200,000 ล้านบาท ภายในปี 2573
- พัฒนาบริการ Beyond Financial Solutions ผสานเทคโนโลยีและความร่วมมือกับพันธมิตร เชื่อมต่อความร่วมมือตลอดซัพพลายเชน ออกโครงการที่เป็นมากกว่าบริการทางการเงินเพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงไลฟ์สไตล์กรีนได้ง่ายยิ่งขึ้น และกระจายสู่วงกว้างได้มากขึ้น อาทิ โครงการ SolarPlus ติดตั้งโซลาร์รูฟให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโครงการส่งเสริมการเช่าใช้งาน EV Bike ที่ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลายและช่วยให้ไรเดอร์กลุ่มผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยธนาคารจะเดินหน้าขยายโซลูชั่นเหล่านี้ไปสู่ลูกค้าในวงกว้างต่อเนื่อง
มิติสังคม ธนาคารกำหนดยุทธศาสตร์สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินและการให้ความรู้ทางการเงินและไซเบอร์ (Financial Inclusion and Financial/Cyber Literacy) ด้วยการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาการให้สินเชื่อ โดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาจากความเสี่ยง การประเมินความสามารถในการชำระเงิน การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งความรวดเร็วในการติดตามการชำระคืนหนี้และการฟื้นฟู การทำงานด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และประสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งมอบบริการสินเชื่อควบคู่การให้ความรู้ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของลูกค้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เกิดเป็นผลการดำเนินงานและเป้าหมาย ดังนี้
- สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial inclusion) แก่ลูกค้ารายเล็ก (Small-pocket Customers) ได้แก่ ลูกค้าบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจไม่มีบัญชีเงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีเอกสารยืนยันรายได้ โดยธนาคารจะพิจารณาอนุมัติจากข้อมูลอื่น ๆ ประกอบ รวมถึงลูกค้าธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) ธนาคารให้สินเชื่อลูกค้ารายเล็กเป็นจำนวนกว่า 500,000 ราย มูลค่าสินเชื่อกว่า 23,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายปี 2568 จะให้ลูกค้ารายเล็กจำนวน 1,900,000 ราย เข้าถึงสินเชื่อได้
- ให้ความรู้ทางการเงินและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Financial and Cyber Literacy) ด้วยการออกแคมเปญสื่อสารที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ เข้าถึงลูกค้าได้ 10 ล้านราย ในปี 2566
- ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า ปกป้องทรัพย์สินของลูกค้า การให้บริการที่ปลอดภัย และดูแลอย่างทันท่วงที ด้วยการส่งมอบบริการที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการความเสี่ยง และการกำกับดูแลมาตรฐานการให้บริการอย่างครอบคลุม
มิติธรรมาภิบาล ธนาคารให้ความสำคัญเรื่องเกณฑ์การพิจารณาตามหลัก ESG เพื่อดูแลให้สินเชื่อที่ปล่อยไปจะไม่สร้างผลกระทบเชิงลบแก่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้ทุกสินเชื่อโครงการและเครดิตเชิงพาณิชย์ของลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางขึ้นไป ต้องเข้าสู่กระบวนการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ทั้ง 100% โดยในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน) มีสินเชื่อที่ผ่านกระบวนนี้ กว่า 340,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ธนาคารทำงานโดยนำหลักการ ESG เข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการ พบว่ามีความท้าทายสำคัญในประเด็นการจัดการที่ต้องพิจารณาจากมิติที่หลากหลาย ดังนั้น หัวใจของการขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งความยั่งยืน คือ ต้องรักษาสมดุลการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง และต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ เพื่อพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง
นายกฤษณ์ กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารเป็นต้นน้ำของระบบเศรษฐกิจ จึงถือเป็นภารกิจที่จะต้องทำเรื่องนี้ต่อไปให้มากขึ้น ด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น และขอชวนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะความยั่งยืนเป็นงานที่ไม่สิ้นสุดและทำคนเดียวไม่ได้ โดยธนาคารพร้อมจะเป็นผู้สร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้น ผ่านการประสานศักยภาพทั้งด้านเทคโนโลยี พันธมิตร และความร่วมมือกับภาคส่วนสำคัญต่าง ๆ ใน Ecosystem เพื่อช่วยให้ลูกค้า สังคม และประเทศ เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
KBank aims to become ESG leader among banks in Southeast Asia, targeting sustainable funding worth Baht 200 billion and loans to 1.9 million small-pocket customers for improved access to financing
Guided by the ESG strategy, KASIKORNBANK (KBank) seeks to empower its customers and Thai businesses in the drive towards a sustainable economic system. Determined to be an ESG leader among banks in Southeast Asia, the Bank has reimagined its strategic imperatives while bolstering its customers’ capabilities during the transition to a net zero economy. KBank has thus far granted sustainable financing and investment worth more than Baht 16 billion, and intends to achieve Baht 200 billion in sustainable funding within 2030. As part of its endeavors to advance the Thai society, the Bank has lent more than Baht 23 billion to more than 500,000 small-pocket customers, as of September 2022, for their improved access to funding sources, while also expecting to offer financing to 1.9 million of this group of clients by 2025. Meanwhile, all project finance and commercial loans for medium and large enterprises have been processed through ESG risk assessment procedure. KBank is now ready to foster synergy and collaboration within the ecosystem for the sake of sustainable growth for customers, the society and the nation.
Mr. Krit Jitjang, KBank President, noted, “Of late, more and more businesses worldwide have embraced sustainability. As evidenced, consumers have shown behavioral changes towards ESG-related consumption, while investors are using ESG risk as a key factor in their investment decisions. Moreover, regulators both at home and abroad have implemented ESG-related measures that businesses must comply with. Any businesses failing to adjust now will incur higher costs, whether in terms of investment or expenses for product and service development, which will inevitably jeopardize their competitive capabilities. However, those who can efficiently adjust themselves in step with this trend will benefit from these abounding opportunities.
KBank has operated its businesses in accordance with the principles of a Bank of Sustainability. Recognizing both the priorities and opportunities for the Thai economy, KBank has announced the KBank ESG Strategy 2023 that maps out business strategies based on ESG principles, focusing on systematic operations, evaluation of results and operational development in alignment with international principles and standards. With the aim of becoming an ESG leader among banks in Southeast Asia, KBank is committed to empowering its customers and Thai businesses in the drive towards sustainable growth. The Bank’s business plans and goals in various dimensions are as follows.
Environmental dimension: KBank has unveiled its Net Zero Commitment in its operations (Scope 1 and 2) and financed portfolio (Scope 3). In 2022, the Bank’s major initiatives are as follows:
- Adjustment of operational processes (Scope 1 and 2) to reduce greenhouse gas emissions, e.g., gradual replacement of the Bank’s fleet with EVs, and solar rooftop installation at branch offices owned by KBank. In the first half of 2022, greenhouse gas emissions were cut by 13.52 percent (compared to the base year of 2020). The Bank is committed to achieving net zero in its own operations (Scope 1, 2) by 2030.
- Operations to achieve net zero emissions in KBank’s financed portfolio (Scope 3) – Such operations include evaluation of greenhouse gas emissions in KBank’s loan portfolio and study of feasibility and complexity of adjustment in the context of Thailand for sector prioritization. In 2022, KBank has conducted an assessment and formulated the Sector Decarbonization Strategy for three industrial sectors, namely, power generation, oil & gas, and coal, which altogether account for approximately 27 percent of the Bank’s portfolio emissions. KBank is now preparing to join forces with customers in other important industrial sectors in order to achieve net zero emissions in line with Thailand’s aspirations.
- Sustainable financing (loan) and investment support: KBank has so far provided more than Baht 16 billion in sustainable financing and investment during 2022 and is preparing to steadily allocate a total of Baht 200 billion in sustainable funding to accommodate the drive towards a green economy by 2030.
- Development of services beyond financial solutions by integrating technologies and collaborating with strategic partners throughout the supply chain. KBank has introduced and promoted projects that go beyond financial services to help customers gain easier access to the green lifestyle such as SolarPlus, free solar rooftops for the public, and EV bike rental, which aims to promote the use of electric vehicles and help low-income riders to get jobs. KBank will press ahead with the expansion of these solutions to more customers in the near future.
Social dimension: KBank has formulated the financial inclusion and financial/cyber literacy strategy through improvements of the credit underwriting process with risk-based offerings, affordability assessment, cost effectiveness, and collection & recovery, and collaboration with partners by leveraging technological expertise for the provision of loan services. Concurrently, KBank has offered customers knowledge to enhance their competitiveness towards sustainable growth. Related operating results and goals are as follows: .
- Building financial inclusion for small-pocket customers such as individuals who earn no more than Baht 30,000 per month and may not have a payroll account, as well as the self-employed, who do not have documents to verify their earnings. KBank will use other data to consider approving loans for such individuals. KBank will also offer financial inclusion to business customers with earnings of not more than Baht 2.5 million per year. As of September 2022, KBank extended over Baht 23 billion in loans to more than 500,000 small-pocket customers. A target has been set to offer loans to 1.9 million small-pocket customers by 2025.
- Providing financial literacy and cyber security by introducing communication campaigns with the aim of creating understanding and awareness among 10 million customers by 2023.
- Prioritizing customer data security and privacy by protecting customer assets, providing secure services, and ensuring care & firmly response. The Bank also focuses on efficient service delivery, risk management and comprehensive supervision of service standards.
Governance dimension: KBank has placed emphasis on the ESG criteria to ensure that its loan approvals will not have negative impacts on the economy, society or environment. The Bank determined that 100 percent of project finance and medium enterprises and above loans must be processed through the ESG assessment procedure. As of September 2022, total loans approved based on the ESG risk assessment amounted to more than Baht 340 billion.
Along the way that KBank has applied the ESG principles in every operational process, there have been major challenges in management issues that must be considered in various dimensions. Therefore, the key focus to drive business in accordance with the principles of a Bank of Sustainability is to maintain balance in management with backup plans in place in order to be ready to cope with changes.
Mr. Krit noted in closing, “Banks play a crucial role in the economic system, so it is our mission to continue doing this with greater efforts and higher standards. All sectors are invited to take collaborative action, because sustainability is a never-ending task and cannot be done by just one party. We are determined to become an ESG coordinator through potential synergies in technologies, business partners and collaboration with key sectors in the ecosystem, driving our customers, the society and the nation towards sustainable growth.”