ช่วงที่ต้องเจอกับวิกฤตเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ “เจ้าของธุรกิจ” เท่านั้น ที่จะเป็นผู้นำพาธุรกิจให้อยู่รอดได้ แต่ “ลูกน้อง” ทุกคนก็มีส่วนสำคัญและสามารถเป็น “ผู้ช่วย” ในการต่อสู้กับวิกฤตได้ด้วย โดยไม่ต้องอาศัยแค่มาตรการเอาคนออก เพื่อพยุงกิจการเท่านั้น
แต่ยังมีถึง 5 วิธี ที่จะช่วยดึงศักยภาพคนทำงานที่มีให้ร่วมผ่านศึกครั้งนี้ไปด้วยกัน
1. หมดยุค! รู้คนเดียว ลูกน้องต้องรู้ด้วย
ตอนนี้สถานการณ์ธุรกิจเป็นอย่างไร สภาพคล่องเหลืออีกแค่ไหน ยอดสั่งซื้อมีเท่าไหร่ ในภาวะวิกฤตข้อมูลพวกนี้อาจต้องแชร์ให้ลูกน้องได้รับรู้ร่วมกัน พวกเขาจำเป็นต้องรู้ว่าเกิดปัญหาอะไรอยู่ เจ้าของจะจัดการอย่างไร และจะมีผลกระทบอย่างไรต่อพวกเขา
เทคนิค
เจ้าของควรทำการสื่อสารพูดคุยให้ชัดเจน ตรงไปตรงมา จริงใจ และเข้าใจง่าย เพื่อให้ลูกน้องรู้ว่าต้องทำอะไร หรือช่วยตรงไหนได้บ้าง
2. หาไอเดียใหม่ๆ จากลูกน้อง
เจ้าของควรเปิดโอกาสให้ลูกน้องทุกคนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น เสนอแนวทางในการแก้ปัญหา และนำเสนอไอเดียหรือนวัตกรรม เช่น ให้ลูกน้องในโรงงานทุกคนช่วยกันคิดวิธีลดต้นทุนการผลิตลง หรือลดขั้นตอนการทำงานลง เพื่อช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงไม่มองข้ามความคิดเห็นจากลูกน้องที่มีช่วงอายุน้อยๆ
เพราะนอกจากจะได้ความคิดเห็นใหม่ๆ ที่ต่างออกไปแล้ว ยังอาจจะได้วิธีรับมือที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันอีกด้วย
เทคนิค
ควรเปิดใจให้กว้าง ยอมรับฟังความคิดของคนรุ่นใหม่ และให้ความสำคัญกับทุกๆ คน
3. พัฒนาทักษะด้านดิจิทัล
ไม่ใช่แค่เจ้าของเท่านั้นที่ต้องปรับตัวในเรื่องนี้ ลูกน้องก็ควรฝึกและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และทำให้กิจการเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น เพราะการทำธุรกิจทุกวันนี้ไม่สามารถจะอยู่แบบออนกราวนด์
หรือหน้าร้านได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้จักปรับตัวอยู่บนออนไลน์ให้ได้ด้วย โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่ช่องทางอย่างหลังมีการเติบโตเป็นอย่างมาก และแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากขึ้น
เทคนิค
ปัจจุบันมีคอร์สอบรมออนไลน์มากมาย ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย เจ้าของควรจัดสรรเวลา โดยเฉพาะช่วงนี้ที่งานไม่ยุ่งมาก ให้ลูกน้องได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติม
4. ปรับเปลี่ยนหน้าที่ชั่วคราว
ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้งานบางอย่างลดลงหรือบางครั้งถึงขั้นเป็นศูนย์ เป็นเหตุให้ปริมาณงานมีน้อยกว่าจำนวนคน อาจทำให้ต้องมีการโยกย้ายปรับเปลี่ยนงานเพื่อความเหมาะสม ในการจัดสรรงานใหม่นั้น ตัวเจ้าของอาจต้องจัดงานให้ลูกน้องตามคุณสมบัติหรือจุดแข็งที่เขามี
เช่น เป็นคนพูดเก่ง นำเสนอดี อาจให้ไปช่วยงานด้านการขาย หรือถ้าเป็นคนละเอียด ช่างสังเกต อาจให้ไปเรียนรู้ช่วยงานด้านเอกสาร หรืองานที่ต้องใช้ความรอบคอบ แต่ถ้าเป็นคนช่างคิด ชอบเรียนรู้ อาจให้ช่วยงานด้านการตลาด หรืองานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์
เป็นต้น
เทคนิค
ควรจัดงานที่เหมาะกับจุดแข็งของคน ไม่แน่ว่า การโยกย้ายครั้งนี้อาจทำให้คุณได้เพชรเม็ดใหม่เพิ่มให้กับธุรกิจก็เป็นได้
5. ปรับ Mindset เห็นเป้าหมายเดียวกัน
คนทำงานในที่เดียวกัน ควรมี Mindset ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หากเจ้าของธุรกิจมีเป้าหมายอยากจะเป็นกิจการที่ยืดหยุ่น ปรับตัวได้เร็วและทันเวลา ลูกน้องก็ต้องพร้อมปฏิบัติให้ได้ตามนั้น ยิ่งในช่วงวิกฤตแบบนี้ การกระตุ้นและเน้นย้ำให้ลูกน้องเข้าใจถึงเป้าหมายที่มี
ยิ่งจะทำให้เกิดการร่วมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
เทคนิค
ควรปรับความคิดให้ลูกน้องเห็นถึงความสำคัญและผลลัพธ์ที่จะได้จากการร่วมมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน