29/4/2564

ขายออนไลน์สไตล์ J.I.B.ทำอย่างไร? 7 ปี ยอดขายทะลุ 5 พันล้าน

“ถ้าใจพร้อมปรับตัว อย่าไปกลัวโลกออนไลน์” ประเด็นโดนๆ จากงานสัมมนา Live Concern : ep2 “ใจสั่งมา” ที่ธนาคารกสิกรไทยจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ กล้าก้าวออกจาก Safe Zone ที่เคยชินกับการค้าขายแบบออฟไลน์ เพื่อไปคว้าโอกาสที่มากขึ้นบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะยุคที่คนต้องเว้นระยะห่างและหยุดอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ออนไลน์ยิ่งเป็นช่องทางสำคัญ โดยมีต้นแบบความสำเร็จอย่าง สมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (J.I.B.Computer Group) มาถ่ายทอดวิธีการโกออนไลน์ที่ได้ทั้งยอดขายและได้ใจลูกค้า

จุดสตาร์ตก้าวสู่ตลาดออนไลน์

J.I.B.Computer Group เริ่มต้นจากห้องเช่าเล็กๆ ในห้างเซียร์ รังสิต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ด้วยเงินทุน 2 แสนบาท โดยธุรกิจของ J.I.B.เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการขายผ่านหน้าร้าน พร้อมขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นธุรกิจหมื่นล้าน ที่มีสาขามากถึง 150 แห่ง ทั้งในห้างสรรพสินค้า และ Stand Alone

จนกระทั่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เมื่อทิศทางของตลาดเปลี่ยนไป ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ในเวลานั้นสมยศเกิดความสงสัยว่า สินค้าไอที เป็นสินค้าราคาแพง คนจะกล้าซื้อออนไลน์จริงหรือ? แต่สุดท้าย ยอดขายเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นว่า ลูกค้ากล้าซื้อสินค้าไอทีผ่านออนไลน์ หลังจากที่ J.I.B.พัฒนาเว็บไซต์ให้มีปุ่มซื้อสินค้า โดยเดือนแรกมียอดขายถึง 8 แสนบาท ทั้งที่ไม่ได้ลงทุนมากมาย หากเทียบกับการเปิดสาขาที่ใช้เงินลงทุน 5-7 ล้านบาทต่อสาขา

นับแต่นั้นมา J.I.B.จึงหันมาลุยออนไลน์อย่างจริงจัง โดยยอดขายออนไลน์ 7 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,200 ล้านบาท โดยปี 2563 มียอดขายอยู่ที่ 1,730 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์เพิ่มมาอยู่ที่ 19.28%


เทคนิคขายสินค้าไอทีให้รุ่ง! ในออนไลน์

การได้มาซึ่งยอดขายออนไลน์เป็นพันล้านนั้น หากล้วงลึกลงไปจะพบเคล็ดลับง่ายๆ ที่ซ่อนอยู่ คือ การที่ J.I.B.สามารถแก้ Pain Point และตอบความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด ด้วยวิธีการดังนี้

1. ระบุวันรับสินค้าที่แน่นอน

การซื้อสินค้าออนไลน์ ลูกค้ามักกังวลว่าจะได้รับสินค้าเมื่อไร หลายธุรกิจอาจบอกลูกค้าว่าจะได้รับสินค้าภายใน 2-4 วัน นั่นยิ่งสร้างความกังวลให้กับลูกค้า เพราะไม่รู้วันที่แน่ชัด วิธีการของ J.I.B.คือ การระบุวันที่ลูกค้าจะได้รับสินค้าอย่างแน่นอน ความชัดเจนตรงนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบัน J.I.B.พัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยเวลาเร็วสุดที่ส่งให้ลูกค้าได้ คือ ภายใน 3 ชั่วโมง (เขตกรุงเทพฯ)

2. สร้างความมั่นใจ ได้ของใหม่ชัวร์

อีกหนึ่งความกังวลคือ กลัวว่าสินค้าที่ซื้อจากออนไลน์จะเป็นตัวโชว์ ไม่ใช่สินค้าใหม่ เพื่อปลดล็อกความกังวลดังกล่าว J.I.B.ใช้วิธีทำคลิปให้เห็นถึงขั้นตอนการแพ็กสินค้า เพื่อส่งให้ลูกค้าดู นอกจากช่วยยืนยันความมั่นใจแล้วว่า สินค้านั้นไม่เคยผ่านการแกะกล่องมาก่อน ยังช่วยตรวจสอบด้วยว่าสินค้าที่ส่งไปนั้นถูกต้องและครบตามจำนวน

3. เสริมด้วยกลยุทธ์ Call Center

บางครั้งการซื้อ-ขายออนไลน์ที่ทุกอย่างทำผ่านระบบ ทำให้เสน่ห์ในการขายหรือให้บริการลดลง J.I.B.จึงใช้กลยุทธ์ Call Center มาช่วยเสริมการขายออนไลน์ โดยหลังจากที่ลูกค้าสั่งซื้อผ่านระบบแล้ว จะมีทีม Call Center โทร.หาลูกค้าอีกครั้ง เพื่อยืนยันการสั่งซื้อและตอบคำถามที่ลูกค้าอาจสงสัยเพิ่มเติม

ปรับตัวไว เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้สำเร็จ

ไม่เพียงแต่การปรับตัวเร็ว เพื่อคว้าโอกาสจากโลกออนไลน์เท่านั้น J.I.B.ยังปรับตัวได้ไวในทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแม้แต่วิกฤต COVID-19 ที่หลายธุรกิจย่ำแย่ แต่ J.I.B.กลับมียอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่สาขาในห้างฯ กว่า 120 แห่งถูกปิด แต่กลับแก้สถานการณ์ จากลบพลิกมาเป็นบวกได้ โดยทำ 3 เรื่องด้วยกัน

  1. มุ่งเน้นทำตลาดออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น
  2. เปิดสาขาชั่วคราว ทดแทนสาขาในห้างฯ จำนวน 35 แห่ง โดยใช้วิธีเช่าอาคารพาณิชย์ เพื่อเปิดขายและให้บริการลูกค้าแทน โดยช่วง 3 เดือนที่สาขาในห้างฯ ปิด แต่กลับมียอดขายจากสาขาชั่วคราวถึง 300 ล้านบาท
  3. ตั้งทีม Telesales ใช้พนักงานจากสาขาในห้างฯ ที่ถูกปิดกว่า 30 คน มาทำหน้าที่ตอบคำถาม พร้อมขายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ให้ J.I.B. โดยทำยอดขายได้ถึง 150 ล้านบาท

ในท้ายนี้ สมยศได้ฝากแง่คิดการทำธุรกิจไปถึงผู้ประกอบการด้วยว่า สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือ ต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน และต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะนั่นจะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่ได้อย่างยั่งยืน