การขอสินเชื่อจากธนาคารเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการใช้เงิน ซึ่งผู้ขอสินเชื่อเลือกได้ว่าจะเสนอรถหรือบ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และเมื่อนำหลักทรัพย์มาค้ำประกันต้องมีการทำประกันด้วย และในบางกรณีเจ้าหน้าที่จะมีการนำเสนอประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อให้เป็นทางเลือกอีกด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้หลายคนมักเข้าคลาดเคลื่อนว่าเมื่อมาขอสินเชื่อต้องถูกบังคับให้ทำประกันต้องหลายประเภท และมักถูกนำไปตั้งเป็นคำถามในสื่อสังคมออนไลน์ในหัวข้อ “ขอสินเชื่อต้องทำประกันอะไรบ้าง” ดังนั้น เพื่อความเข้าใจถูกต้องขออธิบายแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ประกันที่ต้องทำหรือบังคับทำเมื่อขอสินเชื่อ จะขึ้นกับผู้ขอสินเชื่อว่านำหลักทรัพย์ประเภทใดมาใช้ค้ำประกัน เช่น
สินเชื่อที่ใช้รถมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อรถใหม่และรถมือสอง หรือสินเชื่อรถช่วยได้ สินเชื่อประเภทนี้ประกันที่ต้องทำประกอบด้วย
สินเชื่อที่ใช้บ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น สินเชื่อธุรกิจ, สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์และสินเชื่อบ้านช่วยได้ เป็นต้น หากเป็นสินเชื่อประเภทนี้ต้องทำประกันอัคคีภัย โดยต้องทำประกันให้ครอบคลุมมูลค่าบ้าน (ทำเต็มทุนประกัน) แนะนำให้เพิ่มความคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะหากเกิดความเสียหายจากไฟไหม้เพียงเล็กน้อย เช่น ไฟไหม้ชุดรับแขกเสียหาย ในกรณีนี้จะสามารถเบิกค่าสินไหมทดแทนได้
สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันอัคคีภัย ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกได้ที่จะทำประกันกับบริษัทใดก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องแจ้งชื่อผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์เป็นชื่อธนาคาร และต้องนำส่งกรมธรรม์ให้กับธนาคารภายใน 30 วันนับจากวันที่ครบกำหนด รวมทั้งกรมธรรม์ปีต่ออายุ ในกรณีนี้แนะนำให้ทำประกันกับบริษัทประกันที่เป็นพันธมิตรกับธนาคาร เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและไม่เป็นภาระกับผู้ขอสินเชื่อในเรื่องต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ข้อควรรู้ เกี่ยวกับการทำประกันภัย (ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และประกันอัคคีภัย)
กรณีที่ 2 ประกันที่สามารถเลือกทำเพิ่มได้เมื่อขอสินเชื่อ ได้แก่ ประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA** หรือ LRTA***) ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกได้ที่จะทำหรือไม่ทำ หากไม่ทำก็จะไม่มีผลใดๆ ต่อการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร แต่หากจะบอกว่าประกันประเภทนี้มีข้อที่น่าสนใจอยู่หลายประการ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำประกันประเภทนี้ อยากให้ใช้ตัวช่วยหรือเช็คลิสต์ในการตัดสินใจ ดังนี้
หากตอบว่า “ใช่” ทั้งหมด ผู้ขอสินเชื่อควรทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อไว้ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้ไม่ตกเป็นภาระกับคนข้างหลัง และธนาคารจะได้ส่งมอบบ้านคืนให้กับทายาทต่อไป สำหรับประกันประเภทนี้ผู้ขอสินเชื่อสามารถขอกู้เงินมาชำระค่าเบี้ยประกันได้เต็มจำนวน โดยทยอยผ่อนชำระคืนได้ไม่เกินระยะเวลาของสัญญาเงินกู้หลัก อีกทั้ง ค่าเบี้ยประกันชีวิตที่คุ้มครองเกิน 10 ปี สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 1,2+,2) และประกันอัคคีภัย เป็นประกันที่ต้องทำเมื่อขอสินเชื่อ (ทำแบบใดแบบหนึ่งขึ้นกับหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกัน) แต่สามารถเลือกได้จะทำกับบริษัทประกันแห่งใด ส่วนประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ไม่บังคับให้ทำและไม่มีผลใดๆ กับการพิจารณาสินเชื่อ แต่ประกันประเภทนี้มีความน่าสนใจหลายประการเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ขอสินเชื่อ หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ LINE @kbanklive หรือ K-Contact Center 02-8888888 กด 8 กด 1 กด 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสอบถามผ่านสาขาของธนาคารที่สะดวกได้เช่นกัน
อ่านบทความช่วยเรื่องกู้รู้จริงเพิ่มเติม
คลิกเลย