หลังจากได้รับวงเงินสินเชื่อแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น คือ ในทุกสิ้นเดือนต้องนำเงินมาเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหากมีการบริหารเงินที่ไม่ดี หรือมีเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดเข้ามา จนทำให้ไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ หรือจ่ายหนี้ช้า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มาดูกัน
ข้อควรรู้ : อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ธนาคารเรียกเก็บ เป็นอัตรามาตรฐาน มีประกาศไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมีติดประกาศในที่ทำการสาขา อีกทั้ง อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถศึกษารายละเอียดได้จาก อัตราดอกเบี้ย *โปรดตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยผิดเงื่อนไข ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายก่อนทุกครั้ง
เมื่อรู้ถึงสาเหตุและผลเสียของการจ่ายหนี้ล่าช้าแล้ว ทีนี้มาดูกันต่อว่าจะต้องทำอย่างไรให้จ่ายหนี้ได้ทันตามกำหนด
กรณีเกิดจากลืมชำระ เหตุการณ์นี้มักพบบ่อยๆ กับสินเชื่อประเภทบัตรเครดิต หรือบัตรเงินด่วน (Xpress Cash) ซึ่งจะทำให้ต้องมาเสียดอกเบี้ยผิดเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายทวงหนี้โดยที่ไม่จำเป็น เพราะมีเงินที่พร้อมจะจ่ายหนี้ไว้แล้ว สำหรับสาเหตุนี้แบ่งออกเป็น 2 กรณีย่อย
กรณีหมุนเงินไม่ทัน (ช็อตเงิน) เรื่องนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ส่วนใหญ่จ่ายหนี้ล่าช้า ซึ่งมักจะเกิดมาจาก 1) มีค่าใช้จ่ายจากเหตุฉุกเฉินที่ไม่ได้วางแผนไว้ ในมุมธุรกิจ เช่น เกิดการทุจริตภายในบริษัท หรือในมุมบุคคล เช่น คนในครอบครัวต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน หรือเกิดจาก 2) รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ในมุมธุรกิจ เช่น ลูกค้าลดปริมาณการสั่งซื้อสินค้าลง ในมุมบุคคล เช่น ที่ทำงานมีนโยบายปรับลดโอ.ที. ทำให้มีรายได้ลดลงตามไปด้วย สำหรับสาเหตุนี้จะแบ่งได้ออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระล่าช้า :
ควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6-12 เท่าของค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงิน จะสามารถนำเงินออกมาใช้ได้ทันที ซึ่งในมุมของธุรกิจเงินสำรองฯ มีไว้เพื่อรองรับกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าใช้จ่ายในการผลิตหรือค่าใช้จ่ายในการซื้อของมาขาย เงินเดือน ค่าแรง ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และค่าผ่อนหนี้ เป็นต้น หากไม่มีเงินส่วนนี้จะทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักได้ และทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ เช่น ลูกค้าเราไปซื้อของกับคู่แข่งโดยไม่กลับมาซื้อจากเราอีก ถึงแม้จะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ
ในส่วนของบุคคลก็เช่นกันต้องมีเงินสำรองฯ ไว้เพื่อรองรับกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าแก๊ส ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และค่าผ่อนหนี้ เป็นต้น หากไม่มีเงินก้อนนี้ ก็ต้องไปหยิบยืมจากคนอื่นหรือไปยืมจากพวกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบ ทำให้ต้องเข้าสู่วงจรอุบาทว์
หาทางปรับลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงมา เพื่อทำให้มีเงินสดเข้ามาไว้ใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับค่าใช้จ่ายของธุรกิจที่สามารถปรับลดลงได้ ได้แก่ การลดค่าใช้จ่ายพลังงาน เช่น การติดโซล่าร์รูฟท็อป ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่นี่ การเปลี่ยนมาใช้หลอด LED หรือลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน เช่น การจ้าง outsource หรือฟรีแลนซ์ เพื่อมาทำงานแทนในบางตำแหน่ง เช่น พนักงานรับส่งเอกสาร หรือควบคุมปริมาณ โอ.ที. ไม่เกินกี่ชั่วโมงต่อเดือน เป็นต้น ซึ่งการลดค่าใช้จ่ายต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่าให้กระทบกับคุณภาพสินค้าหรือคุณภาพชีวิตของพนักงาน
ในส่วนของบุคคล ควรปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือยบางอย่างลงมา ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการสันทนาการต่างๆ เช่น ตีกอล์ฟเดือนละ 4 ครั้ง ปรับลดลงให้เหลือเดือนล 2 ครั้ง หรือปรับลดแพ็คเกจโทรศัพท์มือถือลงเท่าที่จำเป็นต้องใช้ หรือลดปริมาณการทานข้าวนอกบ้าน หรือปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การทานกาแฟ เป็นต้น
หาทางเพิ่มรายได้ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้มีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น สำหรับในมุมธุรกิจที่นิยมใช้กัน เช่น การเพิ่มประเภทสินค้าให้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น หรือการเพิ่มช่องทางการขายให้หลากหลาย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เช่น Website, Facebook, IG เป็นต้น เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ชอบความสะดวกสบาย
ในมุมบุคคล กรณมีงานประจะทำ แนะนำให้หางานพิเศษทำนอกเวลา เช่น ไบค์เกอร์ส่งอาหาร เพื่อไม่กระทบกับงานประจำ หรือบางคนไลฟ์สดขายสินค้าใหม่หรือสินค้ามือสอง เช่น เสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า เป็นต้น ซึ่งหลายๆ คนทำจากงานเสริมจนกลายเป็นงานประจำแทน มีรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน
หลีกเลี่ยงการกู้เงินนอกระบบ เพื่อมาใช้จ่ายหนี้ ซึ่งจะทำให้เข้าสู่วงจรอุบาทว์ เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เสี่ยงต่อการถูกทวงหนี้โหด ถูกประจาน ถูกขู่ และถูกทำร้ายร่างกายตามที่ได้เห็นกันในข่าวบ่อยๆ
สาเหตุของการจ่ายหนี้ช้า เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ ลืมจ่าย กับหมุนเงินไม่ทัน (ช็อตเงิน) ซึ่งจะมีผลเสียตามมาหลายอย่าง ไม่ว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้น(เสียในอัตราผิดเงื่อนไข) เสียค่าใช้จ่ายในการตามหนี้ เสียประวัติ และเสียความรู้สึก
หากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา สามารถแก้ไขได้โดยการเปิดใจเข้ามาคุยกับธนาคาร เพื่อจะได้วางแผนแก้ไขสถานการณ์ร่วมกัน สำหรับช่องทางการติดต่อธนาคารกสิกรไทย สามารถสอบถามได้ที่ LINE @kbanklive หรือ K-Contact Center 02-8888888 กด 8 กด 1 กด 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อผ่านสาขาของธนาคารที่สะดวกได้เช่นกัน หากมีหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันกับหลายสถาบันการเงิน สามารถใช้บริการของคลีนิคแก้หนี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการของคลีนิคแก้หนี้
อ่านบทความช่วยเรื่องกู้รู้จริงเพิ่มเติม
คลิกเลย