เป็นหนี้แล้วไม่จ่ายเสียหายมากกว่าที่คิด
“มีคนจำนวนไม่น้อยเมื่อกู้เงินไปแล้ว
ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
และไม่กล้าที่จะเข้ามาคุยกับธนาคารเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน
แต่เลือกที่จะเชื่อใจกูรูจากโลกโซเชียล
ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
ตัวอย่างคำแนะนำที่ได้รับ เช่น
- เอาเรื่องปากท้องไว้ก่อน หนี้เอาไว้ทีหลัง หรือ
- ถ้าไม่มีทรัพย์สินอะไรก็ปล่อยให้เจ้าหนี้เครียดไป หรือ
-
เงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องสนใจ ปล่อยทิ้งไปเลย
เจ้าหนี้ทำอะไรไม่ได้
สำหรับคำแนะนำต่างๆ
เหล่านี้ป็นการตอบโดยไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดของแต่ละคน
เพราะความซับซ้อนของปัญหาจะไม่เหมือนกัน
ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด หลายๆ
คนที่นำไปใช้มักจะเกิดผลเสียกับตัวเอง
ที่สำคัญการขอคำแนะนำกูรู
โลกโซเชียลหลายคนมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอีกด้วย
เป็นหนี้แล้วไม่จ่ายมีผลเสียเรื่องอะไรบ้าง
สำหรับคนที่ไม่สามารถจ่ายได้ตามเวลาที่กำหนด
และเชื่อตามคำแนะนำจากกูรูทางโลกโซเชียล
จะมีผลเสียเรื่องอะไรบ้าง
ซึ่งจะมีผลเสียหลายเรื่องที่คนกู้มักคาดไม่ถึง เช่น
เสียความรู้สึก
พอมีหนี้ค้างจ่ายจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาติดตามให้จ่ายหนี้ที่ค้างชำระอยู่ให้ครบถ้วน
และเมื่อถูกโทรหาบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเครียดสะสมได้
จนมีผลกับ
สุขภาพจิตในระยะยาวได้
เสียดอกเบี้ยมากขึ้น
(จากอัตราดอกเบี้ยผิดนัด/ผิดเงื่อนไข)
เมื่อมีการจ่ายหนี้ล่าช้าจะถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัด/ผิดเงื่อนไข
ซึ่งสินเชื่อแต่ละประเภทมีการคิดในอัตราที่แตกต่างกัน
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
เมื่อจ่ายหนี้ช้าจะมีค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ตามมา
ซึ่งต้องมีหนี้ค้างชำระสะสมมากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป
กรณีค้างจ่าย 1 งวด มีค่าใช้จ่ายตามหนี้ 50 บาทต่อรอบ
แต่หากค้างจ่าย 2 งวดขึ้นไป มีค่าใช้จ่ายตามหนี้ 100
บาทต่อรอบ และในบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่ 400
บาทต่อรอบ และในบางกรณีหากมีใช้บริการกูรูทางโลกโซเชียล
จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรจะต้องเสียเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
แต่ถ้ามาใช้บริการจากกูรูที่เป็นพนักงานธนาคารก็จะให้บริการฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
เสียเครดิต
หากมีการค้างชำระหนี้จนถึงขั้นเป็นหนี้ NPL
(หนี้ค้างชำระมากกว่า 90 วัน)
จะทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตจะทำได้ยากขึ้น
เสียชื่อเสียง
เมื่อถูกฟ้องจะมีหมายศาลมาติดไว้ที่บ้าน
ซึ่งจะทำให้คนในละแวกนั้นรับรู้กันว่าเราถูกฟ้อง
ทำให้ชื่อเสียงของตัวผู้กู้และวงศ์ตระกูลเสียหาย
กรณีเป็นผู้ประกอบการ เมื่อคู่ค้ารู้ว่าเราถูกฟ้อง
อาจจะทำให้ไม่กล้าค้าขายกับเรา
เพราะกลัวว่าเราจะไม่จ่ายหนี้ให้กับเขาเช่นกัน
เสียเวลา
เมื่อผู้กู้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีที่ศาล
มีขั้นตอนต้องไปขึ้นศาลหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่
- นัดยื่นคำร้อง คำให้การ คำฟ้อง
- นัดพร้อม (เจรจาเบื้องต้น)
-
นัดไกล่เกลี่ย นัดชี้ประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบ
- นัดสืบพยาน และ
-
นัดฟังคำพิพากษา
ซึ่งทำให้ผู้กู้ต้องใช้เวลางานเพื่อไปขึ้นศาลนั่นเอง
เสียทรัพย์สินและเงินทอง
เมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ตามคำสั่งศาล
จากนั้นเป็นขั้นตอนการบังคับคดี1 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 10
ปี ซึ่งเจ้าหนี้จะมีการดำเนินการต่างๆ ดังนี้
-
กรณีรัฐวิสาหกิจหรือลูกจ้างเอกชน
สามารถอายัดเงินเดือนส่วนเกิน 20,000 บาทได้ เช่น
เงินเดือน 25,000 บาท อายัดได้เดือนละ 5,000 บาท
-
กรณีมีเงินโบนัส อายัดได้ไม่เกิน 50% เช่น ได้โบนัส 30,000
บาท อายัดได้ 15,000 บาท
-
กรณีมีค่าล่วงเวลา หรือเบี้ยขยัน อายัดได้ไม่เกิน 30% เช่น
ได้ค่าล่วงเวลา 1,000 บาท อายัดได้ 300 บาท
-
กรณีได้เงินทดแทนจากการออกจากงาน หรือเงินบำเหน็จ
อายัดได้ไม่เกิน 3 แสนบาท
-
กรณีมีเงินในสหกรณ์ออมทรัพย์ เงินปันผล ค่าหุ้น
อายัดได้ก็ต่อเมื่อสิ้นสุดการเป็นสมาชิก
-
กรณีมีค่าเช่ารายได้
สามารถอายัดเงินค่าเช่าไปยังผู้เช่าได้ เช่น
มีบ้านให้เช่าเดือนละ 5,000 บาท
สามารถอายัดเงินค่าเช่าจำนวนนี้ได้
-
กรณีมีบัญชีเงินฝากธนาคาร
อายัดเงินในบัญชีได้ไม่เกินยอดหนี้ที่มี
-
กรณีมีทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์ คอนโด
รถจักรยานยนต์ พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นสามัญ ปืน เรือ
เครื่องจักร ฯลฯ สามารถยึด/อายัดเพื่อนำไปขายทอดตลาดได้
-
กรณีข้าราชการ ไม่สามารถอายัดเงินเดือนได้
แต่ถ้ามียอดหนี้เกิน 1 ล้านบาท และถ้าถูกฟ้องล้มละลาย
ตามระเบียบข้าราชการฯ จะถูกให้ออกจากราชการ
เนื่องจากเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
เสียเพื่อนและญาติพี่น้อง
สินเชื่อบางประเภทจะต้องมีการใช้บุคคลมาค้ำประกันการขอสินเชื่อ
หรือบางครั้งใช้หลักทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือรถ
ของบุคคลอื่นนำมาจำนอง/ค้ำประกันการขอสินเชื่อเช่นกัน
หากถึงขั้นตอนถูกฟ้องบังคับคดีเมื่อคนกู้ไม่จ่าย
ตามขั้นตอนต้องไปไล่เบี้ยจากผู้ค้ำประกันให้จ่ายแทนคนกู้
ซึ่งจะเห็นในข่าวบ่อยๆ ว่าผู้ค้ำฯ เดือดร้อน
เพราะถูกฟ้องยึดบ้าน เพื่อนำมาชำระหนี้แทนผู้กู้นั่นเอง
แต่คนกู้หลายๆ คนใช้ชีวิตแบบไฮโซกินหรูอยู่สบาย
ซึ่งเท่ากับว่าผู้กู้ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้จำนอง/ผู้ค้ำประกันทั้งที่ตอนผู้กู้ลำบากเค้าได้เข้ามาช่วยต่อลมหายใจผู้กู้ไว้
ทำให้ถูกสังคมประนาม
เสียอนาคต
เป็นเรื่องที่ผู้กู้หลายคนที่ทำงานเป็นลูกจ้างคาดไม่ถึง
เพราะในหลายๆ
องค์กรได้ออกกฏเกณฑ์สำหรับตำแหน่งงานบางตำแหน่งไว้อย่างเข้มงวด
เช่น พนักงานบัญชีหรือการเงิน พนักงานแคชเชียร์ ฯลฯ
ต้องไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ซึ่งบางกิจการอาจจะถึงขั้นเลิกจ้าง
หรือย้ายให้ไปทำหน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน
ทำให้ไม่เป็นที่ไว้ใจขององค์กรตนเอง เป็นต้น
เสียโอกาส
เมื่อถึงขั้นตอนบังคับคดีแล้ว
เจ้าหนี้จะทำการสืบทรัพย์ตลอดระยะเวลา 10 ปี
ทำให้ผู้กู้เจอปัญหาใหญ่คือไม่สามารถใช้บัญชีเงินฝากธนาคารได้
บางคนที่เป็นผู้ประกอบการหรือเป็นฟรีแลนซ์มีโอกาสได้รับงานจากบริษัทขนาดกลางหรือขนาดใหญ่
แต่ติดปัญหาตรงเรื่องการจ่ายเงินผู้ว่าจ้างที่เป็นบริษัทส่วนใหญ่ไม่จ่ายเป็นเงินสด
แต่จะจ่ายเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากหรือจ่ายเป็นเช็คให้
ทำให้ต้องปฏิเสธการรับงานไป
แนวทางที่จะช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่านพ้นวิกฤตของปัญหานี้ไปได้
คือ
ผู้กู้ต้องเปิดใจเข้ามาขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่เป็นหนี้
โดยต้องเล่าเหตุผลที่แท้จริงให้ธนาคารทราบ
พร้อมเตรียมข้อมูลรายรับ-รายจ่าย
ทรัพย์สินและหนี้สินที่มีทั้งหมด
เพื่อมาหาทางออกร่วมกัน อย่าปกปิดข้อมูล
เพื่อจะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป โดยขอรับคำปรึกษาได้ฟรี
ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถึงกำหนดที่ต้องจ่ายหนี้
แต่ผู้กู้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม
และมักจะหลงเชื่อคำแนะนำจากกูรูในโลกโซเชียลที่มักจะแนะนำให้
"ไม่ต้องไปจ่ายหนี้ รอให้ธนาคารฟ้อง"
ซึ่งหลายๆ คนที่หลงเชื่อมักจะปฏิบัติตาม
โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาอีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งการเป็นหนี้แล้วไม่จ่ายเป็นเรื่องที่เสียหายมากกว่าที่คิด
ดังนั้น หากเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหวแล้ว
จะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทร.ติดตาม ผู้กู้อย่ากดสายทิ้ง
แต่ให้รับสาย และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที
เพื่อขอรับความช่วยเหลือจากธนาคาร
หรือถ้ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารดูแลสินเชื่อให้
สามารถติดต่อได้โดยตรงเช่นกัน แต่หากไม่รู้ว่าจะติดต่อกับใคร
สามารถสอบถามได้ที่ LINE @kbanklive หรือ K-Contact Center
02-8888888
กด 8 กด 1 กด 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
หรือติดต่อผ่านสาขาของธนาคารที่สะดวกได้เช่นกัน
ซึ่งทางสาขาจะประสานงานเพื่อส่งเรื่องต่อให้กับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อไป
หากมีหนี้ไม่มีหลักประกันกับหลายสถาบันการเงินติดต่อ
คลีนิคแก้ไขหนี้ โทร.1443 หรือ
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม
อ้างอิง : 1ชุดความรู้กฏหมายด้านการบังคับคดี,
กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 3, มิถุนายน
2565
อ่านบทความช่วยเรื่องกู้รู้จริงเพิ่มเติม
คลิกเลย