การทำธุรกิจที่ต้องผลิตสินค้า Distributor หรือ ตัวแทนจำหน่าย เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้สินค้ารายการนั้นเกิดขึ้นมาได้ แต่การตามหาผู้ผลิตหรือตัวแทนที่พอดีกับเราก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไหนจะต้องเปรียบเทียบหลายบริษัท ทั้งเรื่องจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ คุณภาพของ ราคา ฯลฯ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการเข้า Google เพื่อค้นหาช่องทางการติดต่อ
Marketing และ Branding คือ 2 ส่วนผสมสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่จะตั้งเป้าไปที่การ ‘สร้างยอดขาย’ จึงมักจบด้วยการมุ่งเน้นแต่การทำผลิตภัณฑ์จนท้ายที่สุดออกวางตลาดแล้วก็ ‘ขายไม่ได้’ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนทำธุรกิจจึงต้องเห็นคุณค่า ให้ความสำคัญกับการตลาดและการสร้างแบรนด์
อีกคำถามที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่หลายคนต้องครุ่นคิดก็คือ ‘เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ จำเป็นต้องจดบริษัทเลยไหม’ แต่ก่อนจะตัดสินใจว่าจะจดหรือไม่ มาดูความแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา กับนิติบุคคลกันก่อนว่า มีข้อดี ข้อเสียต่างกันอย่างไร
‘นิยามความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน’ แนวคิดนี้ใช้ได้ดีกับการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการบางคนอาจวางเรื่องรายได้เป็นที่ตั้ง โดยธุรกิจที่ทำจะต้องสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด ในขณะที่อีกคนอาจมองเรื่องการสร้าง Community เน้นความยั่งยืนในชุมชน ฯลฯ ไม่ว่าความสำเร็จจะอยู่ในรูปแบบใด 7 ข้อต่อไปนี้จะเป็นกุญแจที่จะช่วยให้คุณไขประตูสู่เส้นทางบรรลุเป้าหมาย พาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
‘ความแตกต่าง’ หนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ในยุคที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลิตของใหม่ไม่ให้เหมือนของในท้องตลาด ขณะที่ผู้บริโภคก็ยังคงแสวงหาความหวือหวาจากความแตกต่าง แบรนด์ก็ต้องสร้างจุดเด่นด้วย Functional หรือ Emotional เพื่อให้ธุรกิจได้ไปต่อ แนวทางเหล่านี้ที่จะทำให้คุณมองเห็นวิธีสร้างความต่างผ่านการตลาดเพื่อยกระดับแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ
กับดักของผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องเจอคือ ‘ใช้บัญชีธนาคารส่วนตัว’ สำหรับบริหารการเงินในธุรกิจ ทั้งรับเงินจากลูกค้า รวมถึงชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งปัญหาที่จะตามมาจากการไม่แยกบัญชีก็คือ ‘ธุรกิจไปต่อลำบาก’ เหตุผลทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้ จะบอกคุณเองว่าทำไมจึงต้องแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีที่ใช้ส่วนตัว
AI กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการสร้างคอนเทนต์การตลาดปัจจุบัน ด้วยข้อดีที่ทั้งประหยัดเวลา สามารถวิเคราะห์ข้อมูล สรุปรายละเอียด และนำส่งเนื้อหาพร้อมกำหนดรูปแบบที่ต้องการนำไปใช้ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที เพียงแต่ปัญหาที่นักการตลาดหลายคนพบก็คือ ‘ความซ้ำซากและไม่เป็นธรรมชาติ’ จริงอยู่ที่ AI เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประโยชน์อย่างมาก แต่สิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์ไม่มีคือ ความรู้สึก อารมณ์ จินตนาการ และประสบการณ์แบบมนุษย์ จึงทำให้เนื้อหาต่าง ๆ ที่สร้างออกมามีความไม่ลื่นไหลในการใช้ภาษา (โดยเฉพาะทักษะด้านการเขียน)
ถ้าแค่จะป่าวประกาศว่าสินค้าดีอย่างไร คุ้มค่าแค่ไหน คงไม่มีประโยชน์ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถผลิตสินค้าที่คุณภาพดีเหมือนกัน ขายในราคาเท่ากันหรือถูกกว่าได้ การจะทำให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจผลิตอย่างสุดความสามารถขึ้นมาได้นั้น แบรนด์ต้องเริ่มต้นจาก ‘ทำความเข้าใจ’ กลุ่มเป้าหมายก่อนว่า อะไรคือสิ่งที่จะทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้น
เล็ก ๆ ไม่ แต่ถ้าใหญ่นี่ใช่เลย! Oversized Marketing คือแคมเปญการตลาดที่ใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาของผู้บริโภค ผ่านโมเดลสินค้าที่ถูกทำให้มีขนาดใหญ่มหึมาเกินความเป็นจริง เพื่อสร้างกระแส เน้นการติดตั้งให้สะดุดตา อาจจะเป็นย่านการค้า ใจกลางเมืองที่คนพลุกพล่าน หรือบริเวณร้านที่เป็น Flagship Store โดยวัตถุประสงค์ของแคมเปญ Oversized Marketing นั้นทำขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และมีส่วนร่วมจากผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมา โดยสามารถต่อยอดสู่ Online Campaign เพื่อกระจายให้แบรนด์ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
คอนเทนต์ คืออาวุธทางการตลาดที่มีศักยภาพ แต่ทำไมหลายธุรกิจถึงยังยิงกระสุนพลาดเป้าอยู่ ทั้งที่ทำคอนเทนต์ออกมาก็ดูจะเข้าตาผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ทั้ง Awareness และ Engagement
เชื่อว่าการมาถึงของ Generative AI น่าจะช่วยให้ต้นทุนของการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆนั้นต่ำลงแบบมหาศาล
