31/10/2552 JBP คัมแบ็กสู้ศึกตลาดสีหวังครองส่วนแบ่ง 1.2 พันล. นายจงกล รัชนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.บี.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสีภายใต้ แบรนด์ “เจ.บี.พี.” เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทเงียบหายไปนานกว่า 20 ปี โดยไม่มีการประชาสัมพันธ์ผ่าน สื่อนั้นไม่ได้หมายความว่าบริษัทได้หยุดทำการตลาดไปแต่อย่างใด ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของการร่วม สนับสนุนกิจกรรมทางสังคมมากกว่า ส่วนการทำตลาดของบริษัทจะเน้นช่องทางการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายซึ่ง ปัจจุบันมีอยู่ 700 ราย ทั่วประเทศเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 80% ส่วนอีก 20% จะเป็นขายผ่านโครงการ ขนาดใหญ่ เช่น โครงการของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตส จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอป เมนท์ จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงกลุ่มที่สร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันด้วย ทั้งนี้ การที่สีเจ.บี.พี.กลับมาเปิดตัวต่อสาธารณชนอีกครั้งหนึ่งนั้นเพราะตนได้นำทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งก็คือลูกสาว และลูกชาย เข้ามาช่วยงานสานต่องานในบริษัทอีก 2 คน คือน.ส.สรพรรณ รัชนกูล ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่าย บุคคลทรัพยากร และ นายศราวุต รัชนกูล ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซึ่งได้เข้ามาเริ่มงานในบริษัทเมื่อ ต้นปี 51 ที่ผ่านมาทั้งนี้เนื่องจากในอนาคตตนต้องการ ที่จะวางมือจากธุรกิจ แต่ก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาอยู่ “หากไม่ให้ทายาทของผมเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจ ผมก็ยังคงดำเนินการโดยใช้แผนการตลาดแนวทางเดิม ดี เพราะไม่ว่าภาวะวิกฤติเศรษฐกิจจะย่ำแย่เพียงใด เราก็ผ่านมาได้ด้วยดี โดยการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการ ขายสินค้าในราคาเดิม ซึ่งก็สามารถทำผลกำไร ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี ด้านนายศราวุต รัชนกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เจ.บี.พี.อิน เตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า การที่ตนเข้า มาสานต่อกิจการในครั้งนี้ในด้านแผน การตลาดยังคงไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด คงใช้แผนเดิมที่ดำเนินการ มาโดยตลอด คือ เป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย มีคุณภาพ และราคายุติธรรม แต่ในอนาคตคงต้องมีการปรับ แผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ใหม่อย่างแน่นอน แต่คงไม่ใช้งบประมาณที่สูงมากเพื่อครองส่วนแบ่งตลาด อันดับ 1 แต่อย่างใด เพราะ ไม่ใช่ความจำเป็นในธุรกิจสี แต่เน้นกลยุทธ์ ทางการตลาดให้กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้มียอดขายและผลกำไรได้มากที่สุดมากกว่า โดยแต่ละปีจะใช้งบการตลาดประมาณ 5-10% “การทำตลาดและประชาสัมพันธ์ของเราจะไม่ทำอะไรที่เกินตัว เพราะต้องคำนึงถึงผลกำไรในแต่ละปีด้วย คือเรา จะไม่ทำอะไรที่เกินตัว เราจะให้ความสำคัญกับตัวแทนจำหน่าย เพราะมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์สินค้า ของเรา และในปีนี้คงไม่มีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายแต่อย่างใด หากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกันตัวแทนจำหน่ายรายเดิม อาจจะไม่พอใจ ขณะเดียวกันก็ไม่ทราบว่าหากมีการสร้างตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ขึ้นมาก จะสามารถสร้างผล กำไรได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นตัวแทนจำหน่ายรายเดิมที่มีผลกำไรที่ดีอยู่แล้วมากกว่า นายศราวุต กล่าวต่อไปว่า ในภาวะ เศรษฐกิจปัจจุบันที่ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมสีทาอาคารในปีนี้ ลดลงมาประมาณ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1,200 ล้าน บาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 7-8% ส่วน ถือ เป็นอันดับ 1 ใน 5 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ขณะที่ผลกำไรเบื้องต้นในปัจจุบันจะเหลือประมาณ 20% จากเมื่อ 4-5 ที่แล้วจะสูงถึง 30% และในปี 52 คาดว่ามูลค่าตลาดรวมสีทาอาคารน่าจะลดลงมาประมาณ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ สีทาอาคาร สัดส่วน 70%, สีอุตสาหกรรม สัดส่วน 25% และ สีสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน 5% โดยมุ่งเน้น 4 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มตลาดระดับล่าง ราคา 400-600 บาท, กลุ่มตลาดระดับกลาง ราคา 800-1,100 บาท, กลุ่มตลาดระดับบน ราคา 2.4-2.6 พัน บาท และกลุ่มระดับพรีเมี่ยม ราคา 3 พันบาทขึ้นไป ล่าสุด ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มอีก ได้แก่ JBP Shild, JBP Smartshield และ Sora P, JBP SA โดยมีการจัด Position ของผลิตภัณฑ์ใหม่แทรกไปกับสินค้าเก่าทั้งราคาและคุณภาพ “เรากล้าพูดได้ว่าสินค้าเรามีราคาถูกกว่าสินค้าเกรดเดียวกันในทุกตลาดประมาณ 7-8% โดยแต่ละปีจะมีกำลัง การผลิตประมาณ 1.8-2 หมื่นตัน และในอนาคตมีแผนที่จะขยายโรงงานไปยังพื้นที่รอบนอกด้วย แต่ยังไม่ สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” นายศราวุต กล่าว>