31/10/2552 ปฏิบัติการ SCG กินรวบ ! ปั้นธุรกิจ Landscape ต่อยอดโฮมโซลูชั่น เซอร์ไพรส์สุด ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแถลงข่าวเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครระแคะระคายว่า ยักษ์ใหญ่ SCG Groups จะเปิดตัวบริษัทน้องใหม่ "บริษัท เอสซีจี แลนด์สเคป จำกัด" ทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมานี่เอง คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือ SCG ต้องการจะ "กินรวบ" ตลาดบ้านใช่หรือไม่ หลังจากเพิ่งเปิดตัวบริษัทร่วม ทุนระหว่างเครือเอสซีจีกับกลุ่มเซกิซุยจากญี่ปุ่น เปิดแนวรบตลาดรับสร้างบ้านเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และ เดือนตุลาคมเป็นคิวของวงการแลนด์สเคป เพราะจะครบวงจรตั้งแต่ "ออกแบบ-ขนส่ง-ติดตั้ง-ส่งมอบ" เบ็ดเสร็จ สุดขั้ว "...เราไม่ได้กินรวบ กินแบ่งครับ" คำเฉลยแบบตอบไปยิ้มไปของ "ถาวร วิทรายคำ" กรรมการผู้จัดการ คนแรก ของเอสซีจี แลนด์สเคป น่าสนใจว่า SCG ไม่ใช่เพิ่งคิดจะทำ โดยบังเอิญ หากแต่เป็นเวลามากกว่า 5-6 ปีที่เฝ้าติดตามกระแสโลก ร้อนที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจึงตัดสินใจยุบรวม 4 บริษัท จากธุรกิจอิฐมวลเบา-รั้ว-พื้น-สวนให้เหลือเป็น 1 ใน วันนี้ คำอธิบายต่อมา คือ วงการแลนด์สเคปจะมีเซ็กเมนต์ที่ชัดเจน ตลาดหลักของ SCG ในครั้งนี้จะค่อนมา ทางเซ็กเมนต์ hardscape อันได้แก่ วัสดุประเภทรั้ว พื้น ผนัง เป็นต้น นั่นคือ เป็นการต่อยอดเพื่อให้ครบวงจร จากจุดเริ่มต้นที่วัสดุงานโครงสร้างแบรนด์ "ซีแพค ตราช้าง" และวัสดุสถาปัตยกรรมแบรนด์ "คอตโต ตราช้าง" ซึ่งเป็นประเภท quality indoor housing ประสบความสำเร็จ และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งตลอด 30-40 ปีที่ผ่านมา ขณะที่แลนด์สเคปหรือฟังก์ชั่นเอาต์ดอร์ถือเป็นจุดอ่อนของ SCG เพราะมองว่าบริษัท "...ยังไม่ถนัด" ใน ด้านนี้ แต่นั่นเป็นช่วงก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อโอกาสอิ่มตัว โปรดักต์ 4 กลุ่ม อันได้แก่ 1.floor (พื้น) 2.fence (รั้ว) 3.wall (ผนัง) 4.garden (สวน) ที่พัฒนาเดินมาถึงจุดที่พร้อมรบ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุพื้นที่มีพื้นเย็น พื้นกันแมลง พื้น เด็กเล่น พื้นนำทาง พื้นนวดเท้า ฯลฯ วัสดุรั้วมีตั้งแต่รั้วปลูกไม้เลื้อย รั้ว 12 นักษัตร (12 ราศีสื่อความเป็นเจ้าของ) รั้วดูดสารพิษ รั้วซ่อนสายไฟ , วัสดุผนังที่ทำได้ทั้งผนังสวยงาม ผนังกึ่งนั่งในสวน ผนังยกระดับปลูกต้นไม้ และสวนที่ครีเอตได้ดั่งใจทั้ง garden set และ roofing set ทั้งหมดนี้เรียกว่า "นวัตกรรมส่วนเพิ่ม" หรือ smart กลุ่มเป้าหมายของเอสซีจี แลนด์สเคปมี 4 กลุ่มหลัก คือ เซ็กเมนต์บ้าน (housing) อาคาร (building) โรงงาน (factory) และภูมิทัศน์เมือง (city) ในจำนวนนี้เซ็กเมนต์บ้านมีสัดส่วนรายได้สูงสุดคือ 40% รองลงมาคือ เซ็กเมนต์เมือง 20% และเซ็กเมนต์อาคารกับโรงงานรวมกันอีก 40% (โรงงานยังมีสัดส่วนน้อยมาก) เป้าหมายรายได้ของเอสซีจี แลนด์สเคป คือ จะเป็น "ตัวช่วย" ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ "ตราช้าง" เติบโตได้ 15% ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับ "เหนือตลาด" ที่คาดการณ์กันว่า ตลาดรวมจะเติบโตเฉลี่ย 7-8% โดยประมาณการ รายได้ปี 2552 ตั้งไว้ที่ 1,100 ล้านบาท ปี 2553 เป้า 1,300 ล้านบาท และปี 2554 เป้า 1,500 ล้านบาท ในขณะที่ ตลาดรวมประเมินไว้ที่ 6,000 ล้านบาท "ตลาดเริ่มขยับ งบประมาณภูมิสถาปัตย์หรือแลนด์สเคปนั้น เดิมแลนด์สเคปจะถูกตัดก่อนเป็นอันดับ แรก แต่ 4-5 ปีหลัง คนให้ความสนใจกับการตกแต่งเอาต์ดอร์ ให้สวยงามทำให้กลายเป็นงบฯที่ให้ความสำคัญ จึง เป็นโอกาสทางธุรกิจ จุดขายหลักของเรา คือ ส่งมอบบรรยากาศที่สวยงามให้กับลูกค้า" คีย์ซักเซสอยู่ตรงไหน...เอสซีจี แลนด์สเคปฝากความหวังไว้กับ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การเข้าถึงความ สะดวกในการใช้งาน โดยมีแพ็กเกจที่จัดไว้ให้มี 3 ระดับ คือ ชุดเล็ก พื้นที่เริ่ม 3-10 ตร.เมตร ราคา เริ่มต้น 2,000- 15,000 บาท, ชุดกลาง พื้นที่ 30-70 ตร.เมตร ราคา 20,000-50,000 บาท และชุดใหญ่ พื้นที่ 100-200 ตร.เมตร ราคา 70,000-150,000 บาท 2.ความสวยงามและตอบสนองลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ "เมดทูออร์เดอร์" โดยมีให้เลือกหลากหลาย 3 สไตล์ คือ คลาสสิก ธรรมชาติ และโมเดิร์น กลยุทธ์นี้เมื่อขยายความเพิ่มอีกนิดจะพบว่า เซ็กเมนต์เมืองหรือซิตี้เป็น ตลาดที่โตแบบเงียบ ๆ อันได้แก่ กลุ่มเป้าหมายองค์กรปกครองท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กว่า 7,000 แห่งทั่วฟ้าเมืองไทย 3.นวัตกรรมที่เป็น proudly present ของ SCG ว่าเป็นค่านิยมหลักของบริษัท ไปแล้ว โดยเอสซีจี แลนด์ส เคปถือเป็น "นวัตกรรมส่วนเพิ่ม" (smart) ของซีรีส์ "โฮมโซลูชั่น" รุ่นล่าสุด ปฏิบัติการล่าสุดที่กำลังทำอยู่เดินไปสู่บทสรุปบรรทัดสุดท้ายว่า ต้องการบิลด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในรั้ว บ้านจนถึงภูมิทัศน์เมือง>