ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า จากกรณีผู้ผลิตกระเบื้องในประเทศ 2 ราย คือบริษัท เซรามิค อุตสาหกรรมไทย จำกัด ผู้ผลิตกระเบื้องปูพื้นบุผนังแบรนด์ "คอตโต้" และบริษัท โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตกระเบื้องปูพื้นบุผนังแบรนด์ "อาร์ซีไอ" พร้อมด้วยบริษัทในเครือคือบริษัท โรแยล เอเซียบ ริคแอนด์ไทล์ จำกัด ได้ยื่นคำขอต่อกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ ในนามของกลุ่มอุตสาหกรรม เซรามิก สภาอุตสาหกรรมฯ ให้พิจารณาออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้ากระเบื้องนำเข้าจาก ประเทศจีน ประกอบด้วย กระเบื้องปูพื้น ทางเดิน พื้นเตา และติดผนังที่เป็นเซรามิกแบบไม่เคลือบและเคลือบแล้ว รวมถึงหินโมเสกหรือของที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งที่เป็นเซรามิกแบบไม่เคลือบและเคลือบแล้ว โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา กรมการค้าต่างประเทศได้ออกประกาศเปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้ากระเบื้อง นำเข้าจากประเทศจีนตามที่มีการร้องขอ ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำ โดยนายโชคชัย เลิศเธียรดำรง ประธานกลุ่ม ดร.สมชัย ว่องอรุณ ประธานกิตติมศักดิ์ นายสุจินต์ พิทักษ์ รอง ประธานกลุ่ม และนายโกวิท ธารีรัตนาวิบูลย์ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก ได้ร่วมกันแถลงข่าวโดย เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ของไทยออกมาตรการ AD โดยการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากปัจจุบัน 5% เป็น 70-100% กับกระเบื้องทุกประเภท เพื่อให้โรงงานผู้ผลิตกระเบื้องในประเทศสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากพบว่า ปัจจุบันกระเบื้องนำเข้าจากเมืองจีนมีการดัมพ์ราคาในอัตรา 97% ของราคาขายกระเบื้องในประเทศ หรือมีราคา ขายต่ำกว่ากระเบื้องชนิดเดียวกันที่ผลิตในประเทศประมาณ 1 เท่าตัว (ราคาผู้ผลิตในประเทศ 100 บาท กระเบื้องนำเข้าจีนขายเพียง 3 บาท) ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่าในการแถลงข่าวได้เลือกใช้สถานที่ภายในโรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็น ย่านแหล่งศูนย์รวมโชว์รูมจำหน่ายกระเบื้องและวัสดุตกแต่ง ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากประเทศจีน นายโชคชัย เลิศเธียรดำรง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเซรามิก กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ก่อนที่จะมีการยื่น คำขอต่อ คต. ทาง ส.อ.ท.ได้เตรียมข้อมูลเป็นเวลา 2 ปี วัตถุประสงค์เพื่อให้ภาครัฐออกมาตรการป้องกันการดัมพ์ ราคาและควบคุมคุณภาพกระเบื้องนำเข้าจากประเทศจีน นายโชคชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันกระเบื้องจากประเทศจีนมีอัตราภาษีนำเข้าลดลงเหลือ 5% และตามข้อตกลงเปิด เขตการค้าเสรีในปี 2553 กับประเทศจีน อัตราภาษีจะปรับลดลงเหลือ 0% ดังนั้นหากภาครัฐไม่เข้ามาดูแล ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมกระเบื้องอาจรุนแรงขึ้น จากข้อมูลสถิตินำเข้ากระเบื้องประเทศจีนนับตั้งแต่ปี 2543-2552 พบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2543 มีการนำเข้ากระเบื้อง 1 แสนตารางเมตร ในปี 2544 เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านตารางเมตร และใน ปี 2552 ณ เดือนตุลาคม ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 16.2 ล้านตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดกระเบื้องในประเทศประมาณ 14.5% จากประมาณการตลาดรวมในปีนี้ที่ 111 ล้าน ตารางเมตรเศษ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นการนำเข้าโดยร้านจำหน่ายกระเบื้องและวัสดุตกแต่งประมาณ 70% และโรงงานผู้ผลิต กระเบื้องในประเทศอีกประมาณ 30% โดยในกลุ่มที่นำเข้าโดยร้านจำหน่ายกระเบื้องและวัสดุตกแต่ง อาทิ บุญ ถาวร, แกรนด์โฮมมาร์ท, โฮมโปร ฯลฯ น่าจะเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่มีปริมาณการนำเข้ากระเบื้องจากประเทศจีน เฉลี่ยปีละ 1-2 ล้านตารางเมตร แหล่งข่าวจากวงการผู้นำเข้าและจำหน่ายกระเบื้อง-วัสดุตกแต่งรายใหญ่กล่าวกับ ?ประชาชาติธุรกิจ? เรื่อง เดียวกันนี้ว่า ความเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้นำเข้าและจำหน่ายกระเบื้องรายใหญ่ เท่าที่ทราบ เบื้องต้นในวันที่ 25 ธันวาคม 2552 แกรนด์โฮมมาร์ท โฮมโปร บุญถาวร และเซ็นทรัลพรีเมียร์ ได้นัดพบกับตัวแทนบริษัท เซรามิค อุตสาหกรรมไทย จำกัด และ บมจ.โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรมเพื่อทราบถึงที่มาที่ไปในการยื่นคำขอต่อกรมการ ค้าต่างประเทศในครั้งนี้ แต่ลึก ๆแล้วผู้นำเข้าแต่ละรายต่างเป็นคู่ค้าของทั้ง 2 บริษัท จึงไม่พยายาม แสดงท่าทีที่ ชัดเจน นายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้คงต้องการผลการ พิจารณาจากกรมการค้าต่างประเทศว่าจะออกมาในรูปใด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีความเห็นว่าในการพิจารณา ออกมาตรการ ถ้าจะให้ยุติธรรมควรพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีเพื่อตอบโต้เฉพาะราย โดยเลือกเฉพาะกับผู้นำเข้า สินค้ากระเบื้องเมืองจีนที่ไม่ได้คุณภาพหรือมีการดัมพ์ราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐสามารถประสานงานการ ตรวจสอบได้ เพราะจะเป็นการแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่าการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าทั้งหมด เพราะจะเกิด ผลกระทบในวงกว้างกับผู้นำเข้ากระเบื้องทุกราย นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเลือกใช้วัสดุกระเบื้องนำเข้าจากจีนเพื่อเป็นการบริหารต้นทุนโครงการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในการดำเนินการ ออกมาตรการ AD คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและไม่ง่ายนัก หากมีการออกมาตรการจริงคงต้องปรับวิธี บริหารต้นทุนใหม่ โดยอาจเลือกใช้สินค้าอื่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันและมีราคาสมเหตุสมผล>