นายวรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานกรรมการ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ผู้ผลิตสีทาอาคาร
ภายใต้แบรนด์ สีเบเยอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2553 บริษัทจะรุกตลาดสีทาอาคารภายใต้
แนวคิดอีโค สมาร์ท หรือนวัตกรรมใหม่ที่ให้ความสำคัญและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่อง
คุณสมบัติของกลิ่น ที่ไม่ทำลายโอโซน และการใช้สารระเหยที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
น้อยลง

ขณะเดียวกันจะตอกย้ำถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ สีเบเยอร์ คูล ที่มีคุณสมบัติในการ
สะท้อนความร้อนซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จริง เพื่อให้มีความโดดเด่นและเป็นที่จดจำของ
ผู้บริโภคมาก ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา5 ปีจากนี้ไป หรือภายในปี 2558 บริษัท
วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะถือเป็นหนึ่งในนโยบาย
หลักที่ดำเนินการมาอย่าง ต่อเนื่อง

ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์สีเติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็น
มูลค่าขายประมาณ 2,800 ล้านบาท โดยได้จัดสรรงบฯการตลาดไว้สูงถึง 400 ล้านบาท
เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำ แบรนด์สินค้าภายใต้กลยุทธ์การตลาดใน รูปแบบต่าง ๆ เช่น
sport marketing โดยร่วมเป็นผู้สนับสนุนฟุตบอลโลก 2010 FIFA World Cup ณ
ประเทศแอฟริกาใต้, experiential marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ความคุ้นเคย และ
ความรู้ความเข้าใจในคุณสมบัติและการใช้งานของสีแต่ละชนิดกับกลุ่มเป้าหมายผ่านการ
จัดกิจกรรมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศ

นอกจากนี้เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสีเบเยอร์ ชิลด์ ให้กับผู้บริโภค และร่วม
ฉลองยอดขายครบ 1 ล้านแกลลอน บริษัทได้ออกแคมเปญ "10 Years Warranty"
โดยรับประกันคุณภาพสีเบเยอร์ ซิลด์ อย่างเป็นทางการ โดยเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่
ประกันคุณภาพสี ด้วยการ จับมือกับพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์
จำกัด (มหาชน), บริษัทดูปองท์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดาวเคมิคอล ประเทศ
ไทย จำกัด ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความแข่งแกร่งทางธุรกิจ

สำหรับแนวโน้มตลาดสีในปี 2553 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 12,000 ล้านบาท
เติบโตขึ้นกว่า 10% เทียบกับปี 2552 เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากมาตรการ ไทยเข้มแข็ง
(SP2) ของรัฐบาล ซึ่งจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบกว่าแสนล้านบาท โดยส่วนหนึ่ง
จะนำมาใช้ในโครงการก่อสร้าง ต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มี
แนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นในปีนี้>