นางสาวจรินทร ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ในส่วนของบริษัทเองมีสาขาย่อยที่ย่านแยกราชประสงค์ ทำให้ต้องปิดการขายชั่วคราว 2 แห่งคือ ที่สยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนสาขาย่อยมาบุญครองนั้น แม้จะยังเปิดขายอยู่ การขายก็ลดลง 30% โดยรวมทั้ง 3 สาขานั้น ยอดขายหายไปประมาณ 20 ล้านบาท

แม้โอกาสในการขายจะลดลง แต่ก็คงไม่กระทบเป้ายอดขายรวมที่ปีนี้ตั้งไว้ที่ 7,700 ล้านบาท และอินเด็กซ์ยังเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนหนึ่งนั้นยอดขายสาขาย่อยรอบกรุงเทพฯ ยังสามารถขยายตัวได้ 30-50% ส่วนสาขาย่อยในต่างจังหวัดเติบโต 10% นางสาวจรินทร กล่าวต่อว่า บริษัทได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคู่แข่งจากต่างประเทศโดยตลอด ถึงการวางตำแหน่งของสินค้า การจัดแคมเปญการตลาด การติดตามแผนหรือกิจกรรมของคู่แข่งนั้น ก็เพื่อมาแก้เกมธุรกิจของบริษัทได้ทันท่วงที โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์นอกจากสวีเดน คือ ไอเกียที่จะเปิดสาขาแรกที่บางนาในปี 2554 หลังจากที่ไอเกียทุ่มงบในการรับสมัครพนักงานโดยดึงคนในวงการเฟอร์นิเจอร์ไปร่วมงาน

นางจรินทร กล่าวอีกว่า บริษัทได้ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท จัดแคมเปญ “เฟอร์นิเจอร์เก่าแลกใหม่” ซึ่งแคมเปญดังกล่าวเกิดจากการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคพบว่า ต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่แต่มีปัญหาว่าจะเอาเฟอร์นิเจอร์เก่าไปไว้ที่ไหน

ดังนั้นบริษัทจึงให้บริจาคเฟอร์นิเจอร์เก่าทุกชิ้นทุกยี่ห้อเพื่อนำไปมอบให้แก่มูลนิธิต่างๆ หรือหน่วยงานที่มีความประสงค์จะนำเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าวไปปรับปรุงใช้งานต่อไป ลูกค้าจะได้รับใบรับบริจาคสินค้าสามารถนำมาแลกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ อินเด็กซ์ วินเนอร์ ที่นอนพร้อมเตียง เป็นต้น นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถร่วมแคมเปญลุ้นรางวัล โดยจะเริ่มทำสำหรับสาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่-15 ส.ค.2553 เป็นการนำร่องก่อนที่จะเปิดให้บริการในสาขาต่างจังหวัด โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20 ล้านบาทต่อเดือน>