นายพันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด (บกด.) ในเครือซิเมนต์ไทย (เอสซี
จี) ผู้ผลิตหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์แบบปราศจากใยหิน (Asbestos) แบรนด์ตราช้าง
กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่มาผลิตสินค้าโดยปราศจากส่วนผสมใยหินซึ่งเป็นสาร
ก่อมะเร็งครบทุกไลน์การผลิตสินค้าเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2550 เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2553 ที่ผ่านมาภาครัฐโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้บังคับ
ใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ฉลากใยหิน พ.ศ. 2552 อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผลให้ผู้ผลิตสินค้าที่มีส่วนผสมใยหินจะต้องปิด
ฉลากระบุข้อความอันตรายจากใยหินไว้บนฉลากเพื่อปิดไว้ที่ผลิตภัณฑ์ และถือเป็นก้าวแรกของประเทศไทยใน
การส่งเสริมให้ผู้บริโภคทราบถึง ผลเสียของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมใยหิน

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามสื่อสารให้ผู้บริโภครับทราบถึงข้อดีของการ
เลือกใช้สินค้าปลอดใยหินซึ่งไม่มีอันตราย ต้องยอมรับว่า ผู้บริโภคมีความตื่นตัวบ้างแต่ยังไม่เป็นไปตามที่
คาดหวังไว้ ส่วนหนึ่งอาจ เป็นเพราะใยหินเป็นสารที่มองไม่เห็นด้วย ตาเปล่าจึงมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว อย่างไรก็
ตามจากการที่ สคบ.ได้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ฉลากใยหิน บริษัทคาดหวังจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้
ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปลอดใยหินและผลักดันให้ตลาดขยายตัวดีขึ้น

สำหรับสถานการณ์ภาพรวมตลาดหลังคาและผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ปราศจากใยหินในกลุ่มงานฝ้า ผนัง และ
พื้น ในปีที่ผ่านมาคาดว่ามีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวม 6,500
ล้านบาท แยกเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคา 55% และกลุ่มงานฝ้า ผนัง และพื้นที่ 45% ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้
สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ คือมีอัตราเติบโตประมาณ 8% หรือประมาณ 7,100 ล้านบาท โดยเฉพาะ
สินค้าในกลุ่มหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์แผ่นเรียบ เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทจึงตัดสินใจขยายกำลังผลิต ใช้งบฯลงทุน 200
ล้านบาท มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ตันต่อปี

ส่วนแนวโน้มตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีความมั่นใจในการรักษาอัตราเติบโต 8% โดยได้วางงบฯการตลาด
ทั้งปี 200 ล้านบาท แยกเป็นงบฯโฆษณาผ่านสื่อทีวี และงบฯจัดสัมมนาให้ความรู้และการติดตั้งสื่อหน้าร้าน
เอเย่นต์อย่างละ 50 : 50>