22/12/2553

นิเคลส ดันไทยเป็นฮับรุกตลาดฝักบัวอาบน้ำ

นายสเตฟาน นิเคลส รองประธานกรรมการ บริษัท นิเคลส ชาวเวอร์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้
ตัดสินใจให้ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก พร้อมเปิดตัว บริษัท นิเคลสชาวเวอร์
(ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในหลายด้าน
พร้อมให้ประเทศไทยเป็นสำนักงานภาคพื้นรับผิดชอบด้านการตลาดและการขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้ง
เป็นศูนย์กลางการออกแบบและวิศวกรรม และทำหน้าที่ในการดูแลและให้การสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายในการ
ทำตลาดผลิตภัณฑ์นิเคลส (NIKLES) ในประเทศไทยด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทนิเคลสมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2526
โดยมีการพัฒนาจากการมีโรงงานรับจ้างผลิต (OEM) อุปกรณ์ฝักบัวอาบน้ำ และก้าวเข้าสู่การพัฒนา ออกแบบ
อุปกรณ์ฝักบัวอาบน้ำภายใต้แบรนด์ "NIKLES"ปัจจุบันกลุ่มบริษัทนิเคลสมีเครือข่ายธุรกิจใน50 ประเทศทั่วโลก
และมีฐานการผลิตและกระจายสินค้าในประเทศอิตาลี และประเทศจีนมียอดขายประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยตลาดในภูมิภาคเอเชียมีส่วนแบ่ง 30%

"ในประเทศไทยได้แต่งตั้งให้ บริษัทกะรัต ฟอเซท จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ "NIKLES" อย่างเป็น
ทางการแต่เพียงผู้เดียว โดยเริ่มนำเข้ามาจำหน่ายเมื่อปี 2552 และรุกตลาดอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยทาง
กะรัต ฟอเซท ได้เปิดโชว์รูมผลิตภัณฑ์ NIKLES ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์รวมทั้งกระจายสินค้าผ่านเครือข่าย
ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ก่อสร้าง และตกแต่งบ้าน อาทิ บุญถาวรทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ฝักบัวแบรนด์ NIKLES ที่ขายผ่าน
กะรัตมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 3-5 ของมูลค่าตลาดรวม 1,000 ล้านบาทในปี 53 และคาดว่าในปี 54 จะมียอดขาย
เติบโต 3 เท่า ซึ่งจะผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 7-10 ของมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-
15 เนื่องจากในปีหน้าทางบริษัทฯเตรียมผลักดันให้กะรัต ฟอเซท ขยายช่องทางการจำหน่าย และฐานลูกค้าในหัว
เมืองใหญ่ๆในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นโคราชอุดรธานี ขอนแก่น เป็นต้น"

นอกจากนี้ ในปี 54 ทางบริษัทนิเคลสฯมีแผนที่จะนำเข้าสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในประเทศจีนเข้ามาทำตลาดใน
ไทย โดยเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง (แมส) มากขึ้นหลังจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีทางด้านภาษีเริ่มตั้งแต่ต้นปี 53
ซึ่งสินค้าที่จะนำเข้ามาราคาตั้งแต่6,000-10,000 บาท ซึ่งต่างจากสินค้าที่นำเข้าจากอิตาลีที่มีราคาค่อนข้างสูง
20,000-30,000 บาทเป็นต้น โดยการทำตลาดจะเพิ่มน้ำหนักกลุ่มโครงการจัดสรรมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการ
เจรจากับบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) ที่จะป้อนสินค้าดังกล่าวรองรับกลุ่มลูกค้าคอนโดฯ ของ
พฤกษา อย่างไรก็ดี ในแผนปี 2555 อาจจะลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตขึ้นในไทย ส่วนงบประมาณยังไม่ได้ข้อสรุป
โดยโรงงานในประเทศจีนใช้งบกว่า300 ล้านบาท