14/02/2554

ปูนกลางลุยลงทุนกัมพูชา

นายฟิลิป อาร์โต้ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC เปิดเผยว่า
แม้ว่าประเทศไทยและกัมพูชาจะมีการปะทะกันตามแนวชายแดน แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อธุรกิจของไทยที่อยู่ใน
กัมพูชา โดยในส่วนของปูนซีเมนต์นครหลวงมีโครงการลงทุนตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ขนาดกำลังการผลิต 1 ล้าน
ตันต่อปี มูลค่าการลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท ที่ระหว่างนี้อยู่ขั้นการศึกษาความเป็นไปได้โครงการอยู่ ซึ่งคาดว่า
จะสามารถเดินหน้าลงทุนได้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ ส่วนการลงทุนในสหภาพพม่าคงเป็นแผนในระยะยาวและอาจ
เป็นการลงทุนในรูปของการซื้อหรือควบรวมกิจการเดิมมากกว่าการตั้งโรงงานใหม่

ส่วนการลงทุนในประเทศไทยได้มีการขยายกำลังการผลิตของโรงงานผลิตปูนสำเร็จรูปมอร์ตาร์ วงเงิน 320 ล้าน
บาท และการลงทุนเพิ่มสายการผลิตของโรงงานผลิตภัณฑ์ไม้คอนวูด 540 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีกำหนด
แล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2555 นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในธุรกิจวัสดุผสมคอนกรีตในอยุธยาและสุพรรณบุรี 120
ล้านบาท และการลงทุนในธุรกิจรับกำจัดกากของเสียของบริษัทจีโอไซเคิลฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูก อีก 300 ล้านบาท

นางจันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหาร (การตลาดและงานขาย) บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง กล่าวว่า ความ
คืบหน้าการลงทุนตั้งโรงปูนซีเมนต์ในกัมพูชาขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจแร่และศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้ง
โรงงาน เพราะจำเป็นต้องอยู่ใกล้โรงไฟฟ้า หากไม่มีโรงไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงอาจต้องลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม
ใช้วงเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่าไทยและกัมพูชาจะมีปัญหาความขัดแย้ง แต่ในภาพรวมสินค้า
ไทยยังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวกัมพูชา โดยปัจจุบันปูนซีเมนต์นครหลวงครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 40%
ถือเป็นอันดับหนึ่งในกัมพูชา คิดเป็นปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ประมาณ 700,000-800,000 ตันต่อปี

สำหรับแนวโน้มตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศของปี 2554 นั้น เชื่อว่าจะขยายตัวประมาณ 4-5% หรือคิดเป็นปริมาณ
การใช้ปูนซีเมนต์ที่ 27.4 ล้านตัน เป็นการเติบโตที่ชะลอลงจากปี 2553 ซึ่งตลาดขยายตัว 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
หน้า มียอดการใช้ปูนซีเมนต์อยู่ที่ 26.3 ล้านตัน ส่วนราคาปูนซีเมนต์ในประเทศนั้นควรจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น
อีก จากปัจจุบันปูนซีเมนต์ผสมเสร็จบรรจุถุงขนาด 50 กิโลกรัม มีราคาถุงละ 112 บาทต่อถุง โดยเห็นว่าราคาน่าจะ
อยู่ที่ 120 บาทต่อถุง อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังมีความเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในประเทศภายหลังการเลือกตั้ง
ที่อาจไม่มีเสถียรภาพและจะส่งผลให้กลไกหรือการลงทุนต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง

ส่วนด้านตลาดในกลุ่มประเทศที่ติดกับชายแดนไทย ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ
สหภาพพม่า ซึ่งเป็นตลาดสำคัญรองจากตลาดในประเทศของปูนซีเมนต์นครหลวงนั้น ในปี 2553 ที่ผ่านมา
ปูนซีเมนต์นครหลวงมียอดการจำหน่ายปูนซีเมนต์ไปยังตลาดกลุ่มนี้ 1.65 ล้านตัน หรือเติบโตจากปีก่อน 23%
เนื่องจากใน สปป.ลาว มีโครงการสร้างโรงไฟฟ้าน้ำงึม 3 และโรงไฟฟ้าหงสา ซึ่งจะทำให้มีการใช้ปูนซีเมนต์
ปริมาณมหาศาล อีกทั้งยังมีโครงการสร้างทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากสิบสองปันนา ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
มายังเวียงจันทน์ใน สปป.ลาว ขณะที่สหภาพพม่ามีโครงการสร้างเมืองใหม่ ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2554 การทำธุรกิจ
ของปูนซีเมนต์นครหลวงในตลาดกลุ่มนี้จะขยายตัวราว 7% หรือประมาณ 1.77 ล้านตัน แต่ถ้ามีโครงการขนาด
ใหญ่เพิ่มขึ้นก็จะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นอีก

ขณะที่รายได้จากตลาดส่งออกของปูนซีเมนต์นครหลวง ประเมินว่าในปี 2554 นี้จะเติบโต 1.9% หรือส่งออก 2.8
ล้านตัน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งส่งออกอยู่ที่ 2.75 ล้านตัน ด้านราคาขายมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยปีนี้ราคาส่งออก
อยู่ที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จากปีที่แล้วมีราคาเฉลี่ย 42 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน

นายจันดานา ลิยานาเก รองประธานอาวุโส (การเงินและการควบคุมธุรกิจ) บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง กล่าวถึง
ผลประกอบการ ในปี 2553 ว่า ปูนซีเมนต์นครหลวงมีรายได้สุทธิจากการขาย 20,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อ
เทียบกับปี 2552 เป็นผลจากการลงทุนด้านการก่อสร้างภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งของภาครัฐและความต้องการ
ปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 ที่ผ่านมาราคาปูนซีเมนต์ลดลงทำให้กำไรสุทธิลงมา
อยู่ที่ 2,701 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีกำไรสุทธิ 2,946 ล้านบาท