24/12/2555

ส่องอิฐมวลเบาปี56 4 ค่ายผู้ผลิตแห่เพิ่มกำลังผลิต รับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

แนวโน้มของตลาดวัสดุก่อสร้างประเภทคอนกรีตมวลเบา (อิฐมวลเบา) ในปี 2556 น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะ
ผู้ผลิตเจ้าใหญ่ในตลาดหลายค่ายให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า จะได้เห็นผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแย่งส่วน
แบ่งการตลาดเพิ่มมากขึ้น นั่นเท่ากับยิ่งทำให้อุณหภูมิการแข่งขันของตลาดร้อนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2554 เหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ในปีนั้นไม่เพียงแต่มีโรงงานอิฐมวลเบาอยู่ในพื้นที่ประสบ
ภัยหลายต่อหลายแห่ง ทำให้สินค้าที่จะป้อนตลาดชะงักช่วงไปบางตอน ในปี 2555 ถึงแม้จะมีความต้องการ
มากมายเพียงใด แต่ "อุปสงค์-อุทาน" ก็ไม่สามารถตอบสนองได้อย่างสมดุล ดีมานด์ที่ทะลักตลาดทำให้โอกาส
ทางธุรกิจของตลาดอิฐมวลเบาเปิดกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ปัจจุบันตลาดอิฐมวลเบากำลังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในวงการก่อสร้างทั้งแนวราบและแนวสูง ความ
ต้องการสินค้าประเภทนี้กลายเป็นสินค้าติดอันดับต้น ๆ ของวัสดุก่อสร้างพื้นฐาน เช่นเดียวกับ อิฐ หิน ปูน ทราย

สำหรับแนวโน้มทิศทางของตลาดอิฐมวลเบาปี 2556 พบว่าความต้องการใช้สินค้าประเภทนี้สดใสมาก
เพราะเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง ทั้งใน รูปแบบโครงการจัดสรรและรายย่อย จึงได้เห็นปรากฏการณ์ที่
ผู้ผลิตทุกค่ายต่างเปิดแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อหวังชิงเค้กกำลังซื้อที่คาดว่าก้อนจะใหญ่ขึ้น

"ตราเพชร" แจมตลาด

แหล่งข่าวในวงการค้าวัสดุก่อสร้างเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าจะได้เห็นผู้ผลิตอิฐมวลเบาแต่ละ
ค่ายเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเต็มกำลัง รองรับความต้องการใช้ที่คาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% โดยกำลังการ
ผลิตในภาพรวมที่ป้อนเข้าสู่ตลาดมาจาก 4 ผู้ผลิตหลัก

ประกอบด้วย 1) คิวคอน ในเครือ เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 2) ซุปเปอร์ บล๊อก ของตระกูลโลจายะ 3)
สมาร์ทบล็อก ของค่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี 4) บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า รวม ๆ กัน
แล้วน่าจะมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 20 ล้าน ตร.ม./ปี

ขณะที่เปิดศักราชปี 2556 เป็นต้นไปจะได้เห็นตัวเลขกำลังผลิตพุ่งขึ้นไปแตะ แถว ๆ 30 ล้าน ตร.ม./ปี คิด
เป็นประมาณ 6% ของตลาดรวมวัสดุผนังบ้าน

ที่สำคัญจะได้เห็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ดาหน้าเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นอีกหลายราย ที่ชัดเจนมากที่สุดคือ
ค่ายผลิตภัณฑ์ "ตราเพชร-DRT" ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่น
บอร์ดยิปซัมภายใต้แบรนด์ "ตราเพชร" ที่อยู่ระหว่างการลงทุนโรงงานผลิตอิฐมวลเบา มีกำลังการผลิต 3.7 ล้าน
ตร.ม./ปี มูลค่าลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในไตรมาส 1/2556 นี้

แน่นอนว่า...สายการผลิตอิฐมวลเบาของ DRT จะนำมาตอบสนองความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยทั้ง
แนวราบและแนวสูงที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้

คิวคอนผลิต 26 ล้าน ตร.ม.

ขณะที่เบอร์หนึ่งในวงการค่าย "คิวคอน" ประกาศชัดแล้วว่า ในปีหน้าโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่จังหวัดสระบุรี
มีกำลังการผลิตรวม 6 ล้าน ตร.ม./ปี มูลค่า 750 ล้านบาท พร้อมที่จะเดินเครื่องผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2556 เมื่อ
รวมกับกำลังการผลิตเดิมในมืออีกกว่า 20 ล้าน ตร.ม./ปี คิวคอนจึงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 60% ของตลาด
ผนังก่อ-ฉาบด้วยอิฐมวลเบา

ดูเหมือนจะยังไม่พอ ตามแผนลงทุน 5 ปี (2556-2560) คิวคอนเตรียมขยายโรงงานผลิตให้ครบทุกภูมิภาค
ของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนด้านการขนส่ง กับทั้งเป็น การนำสินค้าให้เข้าไปถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น รองรับ
การเปิด "เออีซี-ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คิวคอนเตรียมส่ง
สินค้าคอนกรีตมวลเบาเข้าไปจำหน่าย ในประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาว และ กัมพูชา ผ่านบริษัท เอสซีจี เน็ตเวิร์ค
แมเนจเม้นท์ จำกัด

"ปีหน้าจะรุกตลาดให้หนักขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมความรู้ให้กับช่าง ผู้รับเหมา สถาปนิก และร้านวัสดุ
ก่อสร้าง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจใน วิธีการใช้คอนกรีตมวลเบา ควบคู่กับ การออกสินค้าใหม่ที่โฟกัสเจาะ
ตลาด คอนโดมิเนียมโดยเฉพาะ" คำกล่าวของ "กิตติ สุนทรมโนกุล" เอ็มดี บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดักส์
จำกัด (มหาชน) หรือคิวคอน

CCP มาเลย์-เวียดนาม-ลาว

ด้านเบอร์ 2 ค่ายซุปเปอร์บล๊อก แม้ว่าจะอยู่ระหว่างการขายทรัพย์สินในส่วนของโรงงานผลิตให้กับค่ายปูน
นครหลวง (ปูนนกอินทรี) วงเงินประมาณ 480 ล้านบาท ก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยลงทุนขยายกำลังการผลิต
เพิ่มจาก 2.5 ล้าน ตร.ม./ปี เพิ่มเป็น 3 ล้าน ตร.ม./ปี

ส่วนอิฐมวลเบาแบรนด์สมาร์ทบล็อกของค่ายผลิตภัณฑ์ "CCP-คอนกรีตชลบุรี" ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยาย
กำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้าน ตร.ม./ปีเช่นกัน ใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าปลายไตรมาส
1/2556 จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ รวมทั้งมีแผนสำรองกรณีดีมานด์เพิ่มไม่หยุด โดยมีพื้นที่รองรับในการขยาย
กำลังการผลิตเพิ่มเติมในอนาคตได้อีก 1.5 ล้าน ตร.ม./ปี

"ประทีป ทีปกรสุขเกษม" ประธานกรรมการ CCP บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีหน้าคาดว่าจะมีซัพ
พลายใหม่เข้าตลาดไม่เกิน 30-35 ล้าน ตร.ม. ไม่ถือว่าโอเวอร์ซัพพลายแน่นอน เพราะความต้องการของตลาดมีสูง
มาก

อย่างไรก็ตาม ตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แนวโน้มจะเกิดการแข่งขันสูงสุดเพราะเป็นจุด
ศูนย์กลางของการสร้างแบรนด์ ควบคู่กับแนวโน้มใหม่ที่ตลาดการบริโภคอิฐมวลเบาจะขยายออกสู่ ต่างจังหวัด
มากขึ้น

"ปีหน้าเราจะเริ่มส่งสินค้าไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ลาว เวียดนาม หลังจากที่ก่อนหน้า
นี้กำลังการผลิตทั้งหมดมีไว้รองรับกำลังซื้อในประเทศเพียงอย่างเดียว" ผู้บริหาร CCP กล่าวทิ้งท้าย