นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้
บริษัทมีแผนที่จะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ของโฮมโปร และเปิดตัวธุรกิจใหม่
ภายใต้แบรนด์ "เมกา โฮม" โดยได้จัดตั้งบริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือ
หุ้นโดยโฮมโปร 100% เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้รับเหมา เจ้าของโครงการและกลุ่มช่าง และร้านค้าย่อยใน
รูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง โดยจะใช้สินค้าร่วมกับ โฮมโปร และมีสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซมปรับปรุง สวน
เครื่องมือช่าง เซรามิก เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน และของเล่น

"สินค้าที่วางขายในเมกานั้นประมาณ 70% เป็นสินค้าในประเทศ และที่เหลือเป็นสินค้านำเข้าจากจีน สวีเดน
เป็นต้น โดยจะเปิดสาขาแรกที่นวนคร ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 38 ไร่ ใน
ลักษณะโอเพ่นแอร์และมีแผนเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ในต่างจังหวัดภายในปลายปีนี้และมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 5 สาขา
ต่อปีในอนาคตและครบ 20 สาขาภายใน 4 ปี" นายคุณวุฒิกล่าว และว่า เมกา โฮมจะเข้าไปเติมเต็มกลุ่มลูกค้าที่ยัง
เข้าไม่ถึงโฮมโปร เนื่องจากลูกค้าของโฮมโปร ในปัจจุบัน เป็นกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เกรดบี ขึ้นไป และกว่า 90% เป็น
เจ้าของบ้าน

นายคุณวุฒิกล่าวว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5% ตามการขยายตัวของจีดีพี เป็น
ตลาดที่ไม่ได้มีการแข่งขันด้านนวัตกรรมใหม่มากนัก โดยมูลค่าตลาดรวมวัสดุก่อสร้างอยู่ที่ 130,000 บาท และ
การที่โฮมโปรเพิ่งเข้ามาเล่นในตลาดนี้ถือว่าไม่ได้ช้าเกินไป เนื่องจากเห็นว่าเป็นตลาดที่น่าเข้าไปลอง เนื่องจากยัง
มีช่องว่างอยู่ ซึ่งเมกา โฮมจะมีความโดดเด่นเรื่องความหลากหลายของสินค้า รวมถึงมีระบบการซื้อขายที่ดี

"คู่แข่งในตลาดที่สำคัญในปัจจุบันคือ โกลเบิล, ดูโฮม และไทวัสดุ โดยทั้ง 3 รายมีมูลค่าตลาดรวมกัน
ประมาณ 30,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นร้านค้าย่อยตามต่างจังหวัด" นายคุณวุฒิกล่าว

นายคุณวุฒิกล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 34,541 ล้านบาท เติบโตจากปี
2554 ประมาณ 21% มีกำไรสุทธิ 2,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33.62% ส่วนปีนี้มีแผนขยายในประเทศเพิ่ม
อีก 10 สาขา ใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะมีการย้ายสาขาไปอยู่ที่ใหม่ 1 สาขา

นายคุณวุฒิกล่าวว่า สำหรับในต่างประเทศนั้น ขณะนี้กำลังก่อสร้างโฮมโปรในมาเลเซีย จำนวน 2 แห่ง ซึ่ง
จะสามารถเปิดบริการได้ในปีหน้า โดยสาขาแรกอยู่ทางด้านใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์เปิดได้ไตรมาส 2 ปีหน้า
และอีกสาขาในภาคกลางจะเปิดได้ในปลายปีหน้า นอกจากนี้มีแผนที่จะไปลงทุนในเวียดนาม อินโดนีเซีย และ
ฟิลิปปินส์ โดยจะใช้งบลงทุนแต่ละสาขาประมาณ 500 ล้านบาท