07/10/2556

‘ปูนเอเซีย’เจ๋งผลิตปูนฟอกอากาศ แย้มแผนลงทุนอาเซียนตั้งรง.เมียนมาร์-กัมพูชา

นายนภดล รมยะรูป กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ ตรา "ดอกบัว" เปิดเผยว่า
บริษัทตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมปูนซีเมนต์ พร้อมทั้งได้ รีแบรนดิ้งปรับภาพลักษณ์สินค้าให้ ทันสมัย และจัดกลุ่ม
ผลิตภัณฑ์ใหม่ แบ่งเป็น 11 กลุ่ม ตามคุณสมบัติการใช้งาน โดยนำโลโก้ "i.nova" (italcementi Group innovation) พิมพ์ติดที่
ถุงปูน หมายถึงสินค้านวัตกรรมที่วิจัยและพัฒนาโดย "กลุ่มอิตัลซีเมนต์" ผู้ผลิตซีเมนต์อันดับ 5 ของโลก จากประเทศอิตาลี
ในฐานะพาร์ตเนอร์ของบริษัท เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้าที่จำหน่าย 5 กลุ่ม จากทั้งหมด 11 กลุ่ม ได้แก่ 1) i.work ปูนซีเมนต์มาตรฐาน 2) i.pro ปูนที่ช่วยให้
ผู้ใช้ทำงานง่ายขึ้น 3) i.tech ปูนที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง 4) i.speed ปูนที่เซตตัวเร็ว และ 5) i.idro ปูนเกี่ยวข้องกับน้ำที่
มีประสิทธิภาพสูง

ล่าสุด เปิดตัวนวัตกรรม "ปูนบัวแดงเอ็กซ์ตร้า" สำหรับงานโครงสร้างที่เซตตัวเร็วขึ้นจากเดิมประมาณ 24 ชั่วโมง เหลือ 14-
16 ชั่วโมง และอยู่ระหว่างสำรวจ เพื่อนำสินค้าอีก 2 รุ่น เข้ามาทำตลาด คือ 1.ปูนซีเมนต์ รุ่นทีเอ็กซ์ แอ็กทีฟ มีคุณสมบัติขจัด
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ประมาณการราคาตันละ 1 หมื่นบาท 2.ปูนซีเมนต์ให้น้ำซึมผ่านได้สำหรับงานถนน
ประมาณการราคาตันละ 3-4 พันบาท

"ตอนนี้เราเป็นผู้ผลิตปูนรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ แต่ในแง่นวัตกรรมเรา ตั้งเป้าเป็นอันดับ 1 หลังจากนี้จะมีสินค้าใหม่
เข้ามามากขึ้น"

นายนภดลกล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 8 พันล้านบาท ปีนี้ตั้ง เป้าเติบโต 7% เท่ากับประมาณการของตลาดรวม
อย่างไรก็ตาม จากภาวะ เศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว ปีหน้าตั้งเป้าเติบโตลดลงเหลือ 4% โดยบริษัทมีกำลังการ ผลิตสูงสุดปีละ
7.3 ล้านตัน จากโรงงาน 3 แห่ง คือโรงงานใน จ.สระบุรี นครสวรรค์ เพชรบุรี เดินกำลังการผลิต 80% หรือ กว่า 5 ล้านตัน
แบ่งเป็นขายในประเทศ กว่า 4 ล้านตัน ส่งออกประมาณ 9 แสนตัน

ส่วนแผนธุรกิจนับจากนี้ บริษัทสนใจลงทุนในอาเซียน เพื่อรองรับเศรษฐกิจขยายตัวหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
หรือเออีซี โดยเข้าไปศึกษาลู่ทางลงทุนในสหภาพเมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะสหภาพ เมียนมาร์
บริษัทมีความพร้อมจะเข้าไปลงทุน ทั้งในรูปแบบสร้างโรงงานใหม่ มีกำลังการผลิตปีละประมาณ 2 ล้านตัน ใช้เงินลงทุน
ราว 1 หมื่นล้านบาท กับซื้อกิจการโรงงานเดิมที่มีอยู่

สำหรับสหภาพเมียนมาร์มีประชากรประมาณ 50 ล้านคน แต่มีอัตราการบริโภคปูนต่ำ เฉลี่ย 100 กิโลกรัม/คน/ปีเท่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นการส่งเข้าไปจำหน่ายเป็นหลัก เมื่อเปิดประเทศแล้ว ตลาดน่าจะเติบโตเร็ว

ขณะที่การลงทุนในประเทศ บริษัท อยู่ระหว่างติดตามแนวโน้มตลาดปูนซีเมนต์ หากปีหน้ารัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงการ
2 ล้านล้านบาทได้ คาดว่าจะส่งผลให้ ตลาดปูนเติบโตได้สูงกว่าที่บริษัท ประมาณการไว้ 4% แผนรับมือคือพร้อมจะเปิดเตา
ผลิตซีเมนต์เตาสุดท้าย มีกำลังการผลิตปีละ 6 แสนตัน ส่วนการลงทุนขยายโรงงาน จะต้องดูดีมานด์ในอนาคต