28/10/2556 4ยักษ์ค้าวัสดุชิงเค้ก‘บิ๊กบ็อกซ์’4แสนล้านไม่หวั่นเมกาโฮม‘ไทวัสดุ-โกลบอลเฮ้าส์-ดูโฮม’แข่งเอาใจลูกค้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันของตลาดค้าวัสดุมูลค่าเกือบ 4 แสนล้านบาท มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นอีก โดยเฉพาะ ธุรกิจศูนย์ค้าวัสดุในกลุ่ม "บิ๊กบ็อกซ์" ที่เป็นร้านขนาดใหญ่แบบไม่ติดแอร์จับกลุ่มช่าง ผู้รับเหมารายย่อยและเจ้าของ โครงการขนาดกลาง-เล็กเป็นหลัก ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ล่าสุด มีปรากฏการณ์สร้างแรงกระเพื่อมการแข่งขันรอบใหม่ เมื่อโฮมโปรแตกแบรนด์ "เมกาโฮม" บริหารงานภายใต้ บริษัทในเครือคือ "เมกาโฮม เซ็นเตอร์" เข้ามารุกตลาดเป็นรายล่าสุด โดยเปิดสาขาแรกที่รังสิต เมื่อ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่แต่เดิมธุรกิจศูนย์ค้าวัสดุแบบบิ๊กบ็อกซ์มีผู้เล่นหลัก 3 ราย คือ "โกลบอลเฮ้าส์" ของ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ ที่ มีครอบครัว "สุริยวนากุล" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเอสซีจีเป็นผู้ถือหุ้นหลักอันดับ 2 "ไทวัสดุ" ของค่ายซีอาร์ซี ในกลุ่ม เซ็นทรัล และ "ดูโฮม" ในเครืออุบลวัสดุ กลุ่มทุนค้าวัสดุจากจังหวัดอุบลราชธานี โดยทุกค่ายแข่งขันกันทุกรูปแบบ ทั้งเรื่อง ราคา สินค้า บริการ-จัดส่ง และกลยุทธ์การตลาด ++เมกาโฮมประกัน 100 รายการ นางสุพรศรี นาคธนสุกาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารกลุ่มสินค้า บริษัท เมกาโฮม เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สาขาแรกของเมกาโฮมมีสินค้าร่วม 1 แสนรายการ แบ่งเป็น 4 หมวดใหญ่ ได้แก่ 1.วัสดุโครงสร้าง 2.วัสดุงาน ระบบ มีสัดส่วนรวมกันประมาณ 60% 3.สินค้าตกแต่ง-เครื่องใช้ไฟฟ้า และ 4.ของใช้ในครัวเรือน มีสัดส่วนรวมกัน ประมาณ 40% ทั้งนี้ ประเภทสินค้าที่วางจำหน่ายในช่วงเริ่มต้นมีสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ 3-4% ปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มเป็น 7-8% โดยมี จุดขายคือบริษัทรับประกันสินค้า 100 รายการ ซึ่งมีความต้องการซื้อสูงว่าจะไม่มีปัญหาของขาดแคลน อาทิ เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ ฯลฯ ขณะเดียวกัน สินค้าเมกาโฮม สาขารังสิต ไม่ได้ขายเฉพาะวัสดุ-เครื่องใช้เกี่ยวกับบ้าน แต่มีสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ อาทิ เครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องสังฆภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ฯลฯ รองรับร้านค้าช่วงและประชาชนในละแวก นี้ รวมทั้งมีมุมสินค้าตกแต่งขายส่งแบบสำเพ็ง เช่น ซื้อ 3 ชิ้น ลด 50% เป็นต้น ทั้งนี้ เมกาโฮมมีโมเดลสาขา 2 ขนาด แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดหลักมีพื้นที่ขาย 2 หมื่นตาราง เมตร ส่วนจังหวัดรองมีพื้นที่ขาย 1.5 หมื่นตารางเมตร โดยปีหน้าจะเปิดอีก 4-6 สาขา แผนลงทุนที่ชัดเจนแล้วคือหนองคาย และชลบุรี ++โกลบอลเฮ้าส์ชูราคาถูก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ "โกลบอลเฮ้าส์" เริ่มเปิดสาขาแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อปี 2540 สาขาล่าสุดเป็นแห่งที่ 26 คือกำแพงเพชร จะเห็นว่าเป็นการลงทุนเชิงรุกขยายสาขาอย่างรวดเร็วปีละ 10 สาขา หลังจากได้ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซี จี) เข้ามาถือหุ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2555 ทั้งนี้ สาขาโกลบอลเฮ้าส์แต่ละแห่งมีพื้นที่ 1.8-3.2 หมื่นตารางเมตร มีสินค้าร่วม 1 แสนรายการ แบ่งเป็น 15 หมวด อาทิ ปูนซีเมนต์-บล็อก, เหล็ก-ท่อสเตนเลส, หลังคา ฯลฯ ปัจจุบันมีสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่จ้างผลิตหรือนำเข้าภายใต้ แบรนด์ตัวเองสัดส่วน 11-12% ของทั้งหมด อาทิ สินค้าเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ฯลฯ เป้าหมายในปี 2557 จะเพิ่ม เฮาส์แบรนด์เป็น 13-14% นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติ ธุรกิจ" ว่า บริษัทมั่นใจว่าสามารถแข่งขันกับศูนย์ค้าวัสดุรายอื่นได้ และไม่ได้กังวลที่มีเมกาโฮมเข้ามาแชร์ตลาดเพิ่ม เพราะ จุดแข็งของ โกลบอลเฮ้าส์คือสินค้าราคาถูก โดยมั่นใจว่าเป็นผู้นำในเรื่องราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างราคาถูก โดยเฉพาะ เหล็กเส้น สำหรับการแข่งขันเรื่องบริการ โกลบอลเฮ้าส์ไม่มีบริการส่งฟรี เนื่องจากต้องการขายสินค้าราคาถูก จึงไม่ได้บวก ค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้าไปในราคาสินค้า แต่จัดให้มีบริการจัดส่งหรือดีลิเวอรี่ โดยคิดค่าบริการอัตรากิโลเมตรละ 8 บาท ไม่จำกัด ระยะทาง ขณะเดียวกัน ภายในร้านมีพื้นที่ "ไดรฟ์ ทรู" ลูกค้าสามารถขับรถเข้ามาสั่งและรับสินค้าวัสดุก่อสร้างได้โดยไม่ต้องลงจากรถ "ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้เราปรับแผนเปิดสาขาใหม่ โดยลดการเปิดสาขาเพิ่ม 4 แห่ง จากแผนเดิม 6 แห่ง ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ลพบุรี เพชรบูรณ์ และอุดรธานี รวมทั้งปีเปิด 10 สาขา โดยสาขาจันทบุรีและตราดจะเลื่อนไปปีหน้า เนื่องจากมีฝนตกบ่อย ทำให้การก่อสร้างล่าช้า และ ในปี'57 คาดว่าจะเปิดอีก 12 สาขา" นายอภิสิทธิ์กล่าว ++ไทวัสดุท้าชน "ราคาไม่แพง" ส่วน "ไทวัสดุ" ของกลุ่มเซ็นทรัลที่แตกแบรนด์จากโฮมเวิร์คเมื่อปี 2553 ปัจจุบันมีสาขาถึง 31 แห่ง สาขาแรกคือบาง บัวทอง ขณะที่สาขาล่าสุดคือสระบุรี แผนลงทุนถึงสิ้นปีนี้จะเปิดบริการอีก 5 สาขา รวมเป็น 36 สาขา อาทิ สาขาเชียงใหม่ ขอนแก่น ฯลฯ แต่ละแห่งมีพื้นที่เฉลี่ย 2-3 หมื่นตารางเมตร แหล่งข่าวจากบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ไทวัสดุมีสินค้าภายในร้านเฉลี่ย 1 แสนรายการ แบ่งโครงสร้างสินค้าเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มวัสดุก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน 35% อาทิ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น กระเบื้องหลังคา ฯลฯ ซึ่งเป็นตัวหลักสร้างยอดขาย 2.กลุ่มสินค้าต่อเติมและเครื่องมือช่าง 33% 3.กลุ่มสินค้าตกแต่งครัวและ ห้องน้ำ 24% และ 4.กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน 8% ขณะที่เรื่องบริการเสริมไทวัสดุมีหลายอย่าง ได้แก่ 1.จุดบริการไดรฟ์ ทรู ลูกค้าที่เป็นช่างหรือผู้รับเหมาสามารถสั่งซื้อ สินค้าโดยไม่ต้องลงจากรถ 2.มีบริการซ่อม-สั่งซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและรับประกันหลังซ่อม 90 วัน 3.บริการบัตร เครดิตยอดซื้อตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป (ยกเว้นสินค้ากลุ่มโครงสร้าง) รับคืนสินค้าที่ใช้งานไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มั่นใจไทวัสดุขายสินค้าถูกกว่ารายอื่นเช่นกัน โดย "รับประกันราคาสินค้าต่ำสุด" กรณีเป็นสินค้าชนิด รุ่น สี และขนาดเดียวกันของร้านอื่น ๆ (ยกเว้นสินค้าจัดโปรโมชั่น) ที่ราคาถูกกว่า ลูกค้าสามารถนำสินค้ามาเคลมส่วนต่าง ราคาคืนได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ซื้อ ++ดูโฮมส่งฟรี 30 จังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับค่ายดูโฮม ในเครืออุบลวัสดุ ปัจจุบันมี 3 สาขา คืออุบลราชธานี (ใช้ชื่ออุบลวัสดุ) รังสิต และนครราชสีมา เร็ว ๆ นี้เตรียมเปิดสาขา อุดรฯ ซึ่งเคลมว่าเป็นศูนย์ค้าวัสดุที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันดูโฮมมีสินค้า 20 กลุ่ม อาทิ วัสดุปูพื้นและผนัง, อุปกรณ์ห้องน้ำ-สุขภัณฑ์, ไม้ตกแต่ง, เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ รวม กว่า 2 แสนรายการ โดยจุดแตกต่างของ ดูโฮมคือมีส่วนผสมของศูนย์ค้าวัสดุและ ดิสเคานต์สโตร์ มีขายแม้กระทั่งข้าวสาร และว่ากันว่าค่ายนี้ซื้อของจากซัพพลายเออร์ ด้วยเงินสด ทำให้ซื้อของได้ถูก ในแง่กลยุทธ์การจัดส่ง มีการทำแผนการตลาดเชิงรุก โดยเริ่มตั้งแต่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ดูโฮมใช้กลยุทธ์ส่งด่วนส่ง ฟรีตั้งแต่บาทแรก ภายใต้เงื่อนไขซื้อด้วยเงินสด ในรัศมีจัดส่ง 30 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ภาคกลางและ ตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ ยกเว้นสินค้าวัสดุก่อสร้าง บางรายการ เช่น ปูนซีเมนต์ สังกะสี ยิปซัมบอร์ด กระเบื้องหลังคา ฯลฯ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีน้ำหนัก จึงต้องบวกค่าขนส่ง เข้าไปด้วย