ในศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้น มีคำกล่าวที่ว่า "บ้านใหญ่คนน้อย บ้านเล็กคนมาก ล้วนนำปัญหามาสู่บ้านหลังนั้น" นี้คือข้อบัญญัติในทางฮวงจุ้ยที่บอกเอาไว้ชัดเจน

การจะกำหนดขนาดของบ้านว่าควรจะเป็นบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่แค่ไหนนั้น ความจริงเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกันครับ อย่างแรกก็คือจำนวนคนที่จะเข้าไปอยู่จะต้องเหมาะสมกับขนาดของบ้านเป็นสำคัญ ถ้าบ้านหลังใหญ่แต่มีคนอยู่น้อยจะก่อสภาพของหยินที่มากเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือบ้านนิ่งเกินไป มีสิ่งเคลื่อนไหวน้อย "ความนิ่ง" (หยิน) ในทางฮวงจุ้ยถือว่าไม่เจริญ มีแต่เสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ เหมือนบ้านร้างที่ปล่อยทิ้ง หรือสิ่งที่นิ่งตายนั่นเอง

 บางคนปลูกบ้านหลังใหญ่มากสูง 3 ชั้น แต่อยู่กัน 2 คน ชั้น 3 แทบไม่เคยเดินขึ้นไปเลย นอกจากฮวงจุ้ยจะไม่ดีแล้วยังเสียทองโดยใช่เหตุ อาจปลูกบ้านแค่ 2 ชั้นก็พอ เพราะฉะนั้นเห็นได้ว่าหลักฮวงจุ้ยจะพูดถึงหลักแห่งความสมดุลหยิน-หยางจะต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะกัน ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป บ้านหลังใหญ่ก็ควรที่จะมีคนอยู่มากพอกับพื้นที่

 คราวนี้มาดูเรื่องประโยชน์ใช้สอยดูบ้าง การจะกำหนดบ้านให้มีขนาดใหญ่เล็กแค่ไหนนั้น ต้องถามตัวเองว่าจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่บ้านมากน้อยแค่ไหน ถ้าบ้านหลังใหญ่ถึงคนจะอยู่น้อย แต่ถ้าสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ก็ถือว่าไม่ผิดหลักฮวงจุ้ยแต่อย่างใด

 ขอยกกรณีตัวอย่างของลูกค้ารายหนึ่ง ซื้อบ้านหลังใหญ่มีห้องนอนถึง 4 ห้อง แต่ใช้นอนเพียงห้องเดียวเหลือว่างอีก 3 ห้อง ถ้าจะจัดบ้านให้เกิดสมดุล แนะนำไปว่าห้องที่เหลืออย่าทำเป็นห้องนอน ให้ใช้เป็นห้องที่ทำอย่างอื่นแทน เช่น เป็นห้องแต่งตัว ห้องออกกำลังกาย ห้องพระ ห้องทำงาน เพื่อให้มีโอกาสได้เข้าไปใช้ ไม่ใช่ปิดห้องตาย

 ถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็เปิดประตูห้องที่ไม่ได้ใช้เอาไว้ตลอดเวลา ห้ามปิดห้องเด็ดขาด เพราะการเปิดประตูห้องเอาไว้จะเสมือนเป็นห้องโถงการไหลเวียนของอากาศจะดีกว่าปิด โดยเฉพาะห้องนอนไม่ควรทำเผื่อเอาไว้มากจนเกินไป บางบ้านทำห้องนอนรับแขกไว้หลายห้อง มีการวางเตียงไว้พร้อมแต่ไม่มีคนไปนอนเลย ปีหนึ่งจะมีคนมาพักแค่ 1-2 ครั้ง อย่างนี้ต้องระวังให้มาก

 คนโบราณบอกเอาไว้ว่าการปล่อยเตียงว่างๆไว้อย่างนั้นจะมีพวกวิญญาณเร่ร่อนเข้ามาจับจองเวลาแขกมาพักก็จะถูกรบกวนจากพวกวิญญาณเหล่านี้ได้ ทางที่ดีไม่ควรวางเตียงเอาไว้ ถ้าจำเป็นต้องวางก็ควรใช้ผ้าคลุมเตียงให้มิด ไม่ใช่ปล่อยในลักษณะที่เชื้อเชิญให้เข้าไปนอนได้เลย เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่เชียว

  นอกจากนี้อาจใช้วิธีเลี้ยงสัตว์ภายในบ้านก็ได้ เช่น สุนัข เพราะสัตว์จะช่วยสร้างสภาวะสมดุลได้ สุนัขมักจะไม่อยู่นิ่ง ชอบวิ่งไปวิ่งมารอบๆ บ้าน จะทำให้บ้านมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สร้างหยาง (เคลื่อนไหว) ในบ้านให้สมดุลได้

  อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือจำนวนของใช้ในบ้านมีผลต่อการกำหนดขนาดของบ้านด้วย บ้านที่มีของมากย่อมทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านน้อยลงไปด้วย และที่สำคัญจะก่อสภาพนิ่งมากกว่าเคลื่อนไหว บ้านใหญ่คนอยู่น้อยแถมของเยอะอีก ย่อมทำให้บ้านเสียดุลเพิ่มขึ้นเพราะนิ่งมากเกินไปนั่นเอง

  เพราะฉะนั้นบ้านใหญ่คนน้อยจะต้องเสริมเรื่องการเคลื่อนไหวให้มากขึ้น พยายามใช้ให้ครบทุกห้อง อย่าปล่อยห้องว่าง หลักคิดง่ายๆ ก็คืออย่าปล่อยให้จุดไหนของบ้านนิ่งตาย ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถ้ารอบบ้านมีสวนก็ควรทำทางเดินรอบบ้านเพื่อให้สะดวกในการออกไปเดินดูสวน เพราะหลายบ้านจัดสวนแล้วไม่เคยเดินออกไปเลยก็มี

 เพราะฉะนั้นการจะกำหนดขนาดของบ้านให้เหมาะสมควรนำปัจจัยในเรื่องของจำนวนคนประโยชน์ใช้สอย และจำนวนข้าวของภายในบ้านมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาด้วย ก็จะได้ขนาดบ้านที่ก่อสภาพของหยิน-หยางที่สมบูรณ์ ทำให้คนในบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข

เรียบเรียงโดย : กนิฐา น้ำจันทร์
อีเมล : Khanitha@home.co.th

ติดตามข่าวสารอสังหาฯ www.home.co.th/news

ติดตามข้อมูลโครงการและความเคลื่อนไหวด้านอสังหาฯ www.home.co.th และ www.facebook.com/Homebuyersfanpage

หรือชมวิดีโออื่นๆ คลิกที่นี่ www.home.co.th/vdo , www.youtube.com/tvhomebuyer

คำแนะนำ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด

แต่งบ้านแต่งคอนโด ไลฟ์สไตล์ ฮวงจุ้ย