12/01/2558 ส่ง เลโกบล็อกเบา‘รุกตลาด’ดีคอนฯ "ดีคอนโปรดักส์" รุกตลาดบล็อกคอนกรีตมวลเบา พัฒนาเลโก บล็อกเบา ชูจุดเด่นก่อง่าย เร็ว ใช้แรงงานน้อย ประหยัดเวลา "ต่อตระกูล" ชี้แนวโน้มการก่อสร้างใช้วัสดุสำเร็จรูปสูงขึ้น ด้าน "ตราเพชร" เน้นรุกช่องทางขาย เพิ่มสัดส่วน ขายโครงการและตลาดส่งออกเติบโตเป็น 30% คาดหมายยอดขายปี 58 ที่ 4,500 ล้านบาท รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ประธานกรรมการ บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้ ค้นคว้าอิฐบล็อกใหม่มีลักษณะพิเศษเป็นอิฐประสาน ก่อง่าย ใช้หลักการของของเล่นเด็กเลโก บล็อก เพียงนำบล็อกมาวาง เรียงซ้อนกัน แล้วเชื่อมต่อกันด้วยการกรอกน้ำปูนทรายลงในช่องที่ออกแบบไว้ ถือเป็นนวัตกรรมของการก่ออิฐที่ไม่ ต้องการใช้ช่างปูนที่มีฝีมือ สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่เรียกว่า เลโกบล็อกเบา (Lay&Go Block) "เดิมสำนักงานวิทยาศาสตร์ ประยุกต์เคยทำอิฐบล็อกลักษณะประสาน ที่ใช้ดินลูกรังเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อทำให้ราคา ถูก แต่ไม่ทนทาน ผมก็พัฒนาใหม่ให้วางแล้วยึดกันได้โดยไม่ต้องใช้ความชำนาญ แต่ยังผลิตในจำนวนน้อย จึงหารือกับ บริษัท ดีคอนโปรดักส์ฯในการผลิตอิฐบล็อกเบาดังกล่าวในจำนวนมาก และที่สำคัญต้นทุนไม่สูง เพื่อราคา ขายไม่แพงนัก สามารถแข่งขันกับอิฐมวลเบาได้ หากทำได้โอกาสทางการตลาดมีสูงมาก" ปัจจุบันธุรกิจก่อสร้างประสบปัญหาขาดแคลนช่างก่ออิฐที่มีความชำนาญ ถ้าบริษัท ดีคอนฯผลิตออกมาได้เร็วก็จะทัน กับความต้องการของตลาด โดยเลโกบล็อกเบานี้ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งผนังห้อง กั้นห้องย่อยภายในยูนิต ถึงแม้ราคาจะสูง กว่าอิฐมวลเบาทั่วไปแต่เมื่อรวมค่าแรงและระยะเวลาในการก่ออิฐและฉาบแล้ว ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าหรืออาจจะเท่ากัน เพราะ อิฐเบาเลโก บล็อกก่อง่ายและรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ผลิตให้กับโครงการแม่น้ำเรสซิเดนท์ เซอร์วิส คอนโดมิเนียมหรู ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา นอกจากนี้ยังเล็งเจาะตลาดอาคารขนาดเล็กที่ใช้อิฐมอญด้วย รศ.ดร.ต่อตระกูลกล่าวอีกว่า แนวโน้มการก่อสร้างจะใช้วัสดุสำเร็จรูปมากขึ้น เนื่องจากขาดแคลนแรงงาน เช่น การใช้ ผนังพรีแคสต์ที่ผลิตสำเร็จรูปจากโรงงาน แต่ราคาค่อนข้างแพง แต่ได้เรื่องความรวดเร็ว เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ ใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป 100% เริ่มที่โครงการคอนโดมิเนียมที่รังสิต ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของเลโกบล็อก คาดว่าสามารถ เปิดตัวและทำตลาดอย่างจริงจังในเดือนมีนาคม 2558 เน้นเจาะเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ในปีนี้ตราเพชรไม่มีสินค้านวัตกรรม แต่จะเน้นสินค้าที่มี โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเรือธง หลังคา กระเบื้องลอนคู่จะมีสีใหม่ตามเทรนด์สี ส่วนไม้สังเคราะห์เน้นไม้พื้น ลวดลายใกล้เคียงธรรมชาติ แต่สีสันสดใส ดูแลรักษา ง่าย โดยภาพรวมกำลังผลิตอยู่ที่ 9.8 แสนตัน รวมอิฐมวลเบาด้วย โดยตั้งเป้ายอดขาย 4,400-4,500 ล้านบาท ขยายตัวจากปี 2557 ประมาณ 5% ทั้งนี้จะเน้นการทำตลาดในช่องทางขายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและโมเดิร์นเทรด โครงการ และการส่งออก 2 ช่องทางหลังนี้มีโอกาสเติบโตเพิ่มในอัตราเลข 2 หลัก เนื่องจากขณะนี้มีสัญญาณที่ดี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับมา เดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ๆ มากขึ้น ทำให้คาดว่าสัด ส่วนการขายจากปีก่อนที่ทำได้ 10% จะเพิ่มเป็น 15% เช่นเดียวกับ ตลาดส่งออก จากเดิม 10% ก็จะพยายามผลักดันให้เป็น 15% รวม 2 ช่องทางนี้เป็น 30% ของยอดขายรวม "ตลาดอิฐมวลเบานั้น ตราเพชร ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า อย่าง ไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ผู้ซื้อไม่ได้คำนึงถึง แบรนด์ แต่จะเลือกที่ราคาเป็นหลัก แบรนด์ไหนให้ราคาถูกกว่าก็จะเลือก ทำให้ในปีที่ผ่านมาทุกแบรนด์ต่างแข่งขันด้าน ราคา แต่ช่วงต้นปีใหม่ลดความรุนแรงลง ปัจจุบันในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบามีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% โดยใช้มากในกลุ่มบ้านราคาเจาะระดับล่าง ส่วนบ้านราคาสูงยังใช้อิฐมอญ"