13/12/2559 SCGชูธุรกิจเติบโตคู่ชุมชนบูมตลาดอาเซียน ปี'60 เอสซีจีเน้นแผนเก็บเกี่ยวความสำเร็จ หลังปูพรมลงทุนโรงปูนซีเมนต์ 4 ประเทศ "อินโดนีเซีย -กัมพูชา-เมียนมา-ลาว" ล่าสุดเตรียมเดินเครื่องจักรฐานการผลิตแขวงคำม่วน 1.8 ล้านตัน ภายในไตรมาส 1/60 "รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส" ชี้ปีหน้าลงทุน 8 หมื่นล้าน ลุยตลาดเออีซีสัดส่วน 60-70% นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปิดเผยว่า แผนลงทุนปี 2560 เอสซีจียังคง ให้ความสำคัญกับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยแผนธุรกิจในภาพใหญ่ใช้เม็ดเงิน เฉลี่ยปีละ 5 หมื่นล้านบาท รวม 2 ปี (2559-2560) มูลค่า 1 แสนล้านบาท วางแผนใช้ลงทุนในเออีซี สัดส่วน 60-70% หรือประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท โดยแผนลงทุนในรายละเอียดเตรียมประกาศภายในสิ้น เดือนมกราคม 2560 ++ต่อจิ๊กซอว์ลงทุนโรงปูนเออีซี ก่อนหน้านี้ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา บริษัททยอยสร้างโรงปูนซีเมนต์ในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อินโดนีเซีย มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ, กัมพูชา ขยายกำลังผลิตโรงที่ 2 มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ, สปป.ลาว มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมียนมา มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าประเทศอื่นเพราะ สร้างโรงไฟฟ้าด้วย โรงปูนเอสซีจีที่ลงทุนในอาเซียน เมื่อทยอยสร้างเสร็จในปีหน้าจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 30.5 ล้านตัน จากเดิมที่มีกำลังผลิตรวม 22-23 ล้านตัน ในขณะที่ประเทศเวียดนาม เอสซีจีไม่ได้เข้าไปตั้งโรงปูนซีเมนต์ เนื่องจากตลาดยังมีภาวะโอเวอร์ ซัพพลาย แต่ได้เข้าไปลงทุนวัสดุก่อสร้างตัวอื่น ๆ อาทิ โรงงานหลังคาคอนกรีต ปูนผสมเสร็จหรือรีดดี้มิกซ์ ฯลฯ ปัจจุบันธุรกิจหลักมี 3 ขา คือ ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง, บรรจุภัณฑ์ และปิโตรเคมี สิ่งสำคัญคือการ ขยายตัวในภูมิภาค มีการลงทุนมากมายในทุกประเทศ ไม่ว่าในประเทศไทย สปป.ลาว อาเซียน อาทิ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ++ลงทุนในลาวเน้นอยู่ร่วมชุมชน นายรุ่งโรจน์กล่าวถึงรายละเอียดแผนลงทุนในสปป.ลาวด้วยว่าเอสซีจีตั้งโรงปูนซีเมนต์ที่แขวงคำ ม่วนกำลังการผลิต1.8ล้านตัน ความคืบหน้าล่าสุดอยู่ระหว่างทดลองเดินเครื่องจักร ตั้งเป้าผลิตและ ทำการตลาดอย่างจริงจังภายในไตรมาส 1/60 ในลาวเราเริ่มต้นจากวัสดุก่อสร้าง ขยายมากระเบื้องเซรามิก สุขภัณฑ์ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย 21 ราย มีคอตโต้สตูดิโอ 2 แห่ง โรงงานซีแพ็กรีดดี้มิกซ์ 2 แห่ง ล่าสุดโรงงานปูนซีเมนต์ที่คำม่วน ซึ่งได้ เข้ามาลงทุนตั้งแต่ 13-14 ปีมาแล้ว ผมถือว่าเป็นประสบการณ์คุ้มค่าที่ได้เข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ ได้เข้ามา เรียนรู้ทั้งแง่สังคม สิ่งแวดล้อม ผู้คน ถือว่าได้รับการต้อนรับและดูแลอย่างดี เอสซีจีทุกคนภูมิใจที่ได้เข้า มาพัฒนาประเทศที่นี่ สำหรับทิศทางการขยายธุรกิจเอสซีจีใน สปป.ลาว นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า มี 2 มิติ เรื่องแรกตลาด ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีศักยภาพสูง มีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก ป้อนให้กับความต้องการใช้ทั้งการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานและภาคที่อยู่อาศัย ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อโรงปูนเดินเครื่องผลิตจะสร้างโอกาสในการ ขยายลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่น ๆ เช่น รีดดี้มิกซ์ เป็นต้น อีกมิติหนึ่งเป็นเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน นักอุตสาหกรรมทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อลงทุน อุตสาหกรรมแล้วต้องอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างยั่งยืน เอสซีจีให้ความสำคัญอันดับหนึ่ง เอสซีจีมองว่าจะ อยู่ได้ต้องได้รับการยอมรับ เราพัฒนาสองด้านควบคู่ ด้านหนึ่งพัฒนาตามกลไกตลาด ศก. อีกด้านคือการพัฒนาด้านสังคม สิ่ง แวดล้อม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เข้ามามีส่วนร่วม ผมคิดว่าเรื่อง เหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ ตลาดที่เรามีส่วนร่วมอยู่ ++รองรับแบตเตอรี่ ออฟ เอเชีย นายอารีย์ เชาวลิตชีวินกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวกับ ประชาชาติธุรกิจ เพิ่มเติมว่า ตลาดปูนซีเมนต์ใน สปป.ลาว ปัจจุบันมีเพลเยอร์ 7-8 ราย ส่วนใหญ่มีกำลัง ผลิต 2.5-5 แสนตัน มีความต้องการใช้อยู่ที่ปีละ 3.5 ล้านตัน เมื่อโรงปูนเอสซีจีที่แขวงคำม่วนก่อสร้าง แล้วเสร็จ แนวโน้มอาจทำให้ซัพพลายเกินความต้องการใช้อยู่บ้าง โดยบริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มแต่ต้อง ประเมินศักยภาพตลาดเพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่าที่สุด ปกติโรงปูนในอาเซียนจะป้อนตลาดในประเทศและส่งออกด้วยโดยส่วนหนึ่งส่งกลับเข้ามาตลาด เมืองไทยตามพื้นที่จังหวัดชายแดนเพราะบริหารต้นทุนได้ดีกว่า นายอารีย์กล่าวด้วยว่าตลาดปูนในสปป.ลาวผู้ใช้หลักยังเป็นโครงการของรัฐ โดยเฉพาะการสร้าง เขื่อนซึ่ง สปป.ลาวได้รับฉายาว่าเป็นแบตเตอรี่ออฟเอเชียอยู่แล้ว ในขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยมีขนาดตลาด ค่อนข้างเล็ก ภาพรวมการลงทุนในอาเซียน ตลาดลาวเล็กกว่ากัมพูชานิดเดียว ส่วนการลงทุนโรงปูนใหม่ในลาว ถามผมตอนนี้ก็ต้องขึ้นกับจะมีการสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโรงปูนที่สร้างใหม่จะรองรับการ สร้างเขื่อนโดยเฉพาะ สถิติ 3-4 ปีที่ผ่านมา ความต้องการใช้ปูนในลาวเติบโตต่อเนื่องปีละ 6-7% แนวโน้ม อนาคตน่าจะโตไม่ต่ำกว่านี้ ส่วนเวียดนาม เรามีโรงงานเซรามิก, รี้ดดี้มิกซ์ โรงงานหลังคาคอนกรีต แต่ ไม่มีโรงปูนเพราะโอเวอร์ซัพพลายอยู่ นายอารีย์กล่าว