ประเด็นร้อน: สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอ หลังสต๊อกน้ำมันสูงเกินคาด



ราคากองทุน K-OIL ที่จะเปิดเผยคืนวันที่ 7 ธ.ค. 66 (คืนนี้) คาดว่าจะมีการปรับตัวลงประมาณ 5% จากราคากองทุนหลักของ K-OIL (Invesco DB Oil Fund) ที่ปรับตัวลง 2 วันติดต่อกัน

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 66 กองทุน Invesco DB Oil Fund (ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-OIL) ราคามีการปรับตัวลง -3.57%เทียบกับวันก่อนหน้า ประกอบกับวันที่ 5 ธ.ค. 66 ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของไทย Invesco DB Oil Fund ก็มีการปรับตัวลง -1.46%เทียบกับวันก่อนหน้าเช่นกัน ซึ่งรวม 2 วันแล้ว Invesco DB Oil Fund ปรับตัวลงประมาณ -5.06% โดยคาดว่าราคากองทุน K-OIL ณ 6 ธ.ค. 66 จะมีการปรับตัวลงเทียบกับราคา ณ 4 ธ.ค. 66 ประมาณ 5% เช่นกัน (5 ธ.ค. 66 เป็นวันหยุดทำการของไทย) ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวลงที่มากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการแสดง %การเปลี่ยนแปลงรวม 2 วัน


ทำไมราคา K-OIL ถึงปรับตัวลง


เกิดจากเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 66 สหรัฐฯ มีการเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ บอกถึงความต้องการใช้น้ำมันหรือพลังงานของสหรัฐฯ ที่ลดลง สอดคล้องกับความกังวลของตลาดว่าเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงตาม

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นหรือผันผวนอีก ได้แก่ การหารือในกลุ่ม OPEC+ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงในการกำหนดโควต้าการผลิตน้ำมัน โดยล่าสุดประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ได้มีการเดินทางไปพบกับผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการกำหนดโควต้าการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของประเทศสมาชิก 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วง Q1/67 ได้


คำแนะนำการลงทุน


สำหรับผู้ที่ถือ K-OIL อยู่ ไม่แนะนำให้ลงทุนเพิ่ม โดยแนะนำให้ถือเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน อย่างไรก็ตาม K-OIL เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและผันผวนสูง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกองทุนกลุ่มนี้ K WEALTH แนะนำให้มีได้ไม่เกิน 15%ของเงินลงทุน

สำหรับผู้ที่มีเงินต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน K-OIL โดยแนะนำให้ลงทุนกองทุนอื่นที่มีมุมมองน่าลงทุนมากกว่า เช่น กองทุน K-HIT ซึ่งลงทุนในหุ้นที่หลากหลายทั้งธีมและอุตสาหกรรมทั่วโลก หรือกองทุน K-VIETNAM ที่เน้นลงทุนหุ้นประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ยังมีโอกาสเติบโตได้สูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากการเลือกลงทุนกองทุนหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นในแต่ละช่วงเวลาแล้ว ควรมีการจัดสรรเงินลงทุนหลักประมาณ 80% ไปลงทุนกองทุนผสม ที่มีผู้จัดการกองทุนดูแล ติดตามและกระจายเงินลงทุนให้หลากหลาย เพื่อสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว เช่น กองทุน WP-LIGHT กองทุน WP-BALANCED กองทุน WP-ULTIMATE ฯลฯ โดยอาจพิจารณาแบ่งเงินไม่เกิน 20%ของเงินลงทุน ในการเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นหรือกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ ที่มีความน่าสนใจในแต่ละช่วงเวลา


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
Back to top