K WEALTH / บทความ / Wealth Management / รู้จักดัชนี S&P 500 อยากลงทุนต้องซื้อยังไง? เข้าใจพื้นฐานสู่โอกาสการลงทุน
16 เมษายน 2567
2 นาที

รู้จักดัชนี S&P 500 อยากลงทุนต้องซื้อยังไง? เข้าใจพื้นฐานสู่โอกาสการลงทุน


​​​​​​​​​​​​​​“

• S&P 500 Index ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 แห่ง และมีความเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดหุ้นหลายประเทศ จึงมักถูกใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน


• เงินลงทุนที่มีสามารถเติบโตไปกับ S&P 500 Index ได้ด้วยกองทุน K-US500X-A(A) ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักที่ลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ S&P 500 Index




S&P 500 Index หนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หลายกองทุนทั้งกองทุนแบบเชิงรับและเชิงรุก S&P 500 Index จึงมักถูกใช้ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ


I: S&P 500 Index คืออะไร

S&P 500 Index หรือ Standard & Poor’s 500 คือดัชนีหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 500 แห่ง ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ New York Stock Exchange (NYSE) และ Nasdaq ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1923 (พ.ศ. 2466) โดย Standard and Poor's ด้วยบริษัทที่มูลค่ามากที่สุด 233 แห่ง และขยายเป็น 500 แห่งในปี ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500)​


หุ้นที่ถูกคัดเลือกมาใช้เป็นองค์ประกอบใน S&P 500 Index นั้น ถูกพิจารณาจากสภาพคล่องการซื้อขายและการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ซึ่งต้องมีมูลค่าตลาดสูงและมีสภาพคล่องเพียงพอ



II: S&P 500 Index กับการลงทุนทั่วโลก

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดหุ้นหลักของโลก โดยตลาดหุ้นอื่นหลายประเทศ มักมีความเคลื่อนไหวในทิศางเดียวกับของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ S&P 500 Index ซึ่งพิจารณาได้จากผลตอบแทนรายปีปฏิทินย้อนหลัง 5 ปี (สิ้นปีเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า) ของตลาดหุ้นโลกโดยรวม หุ้นญี่ปุ่น หุ้นยุโรป และหุ้นเวียดนาม ที่ในปี 2565 S&P 500 Index ติดลบ 19% ตลาดหุ้นต่างๆ ดังกล่าวก็ติดลบเช่นกัน หรือในปีที่ S&P 500 Index กำไร ตลาดหุ้นประเทศอื่นส่วนใหญ่ก็กำไรเช่นกัน (ยกเว้นปี 2563 ที่หุ้นยุโรปขาดทุน) แต่ก็ใช่ว่าผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมจะเท่ากัน เช่น การลงทุนตั้งแต่สิ้นปี 2561 ถึงสิ้นปี 2566 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนรวมสะสมอยู่ที่ 90% ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกอยู่ที่ 60% เท่านั้น​


ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (สกุลเงินต่างประเทศ) ​ ​ ​ ​
ดัชนี / Index

​​ประเทศ/ภูมิภาค
ตามปีปฏิทิน (พ.ศ.)​ ​
​​สะสม 5 ปี
​2562
​2563
2564
​2565
​2566
S&P 500
​หุ้นสหรัฐฯ
​28.88%
​16.26%
​26.89%
​-19.44%
​24.23%

​90.27%
MSCI All Country
World Equity
​หุ้นโลก
​24.05%
​14.34%
​16.80%
-19.80%
​20.09%
​59.55%
TOPIX
​หุ้นญี่ปุ่น
​15.21%
​4.84%
10.40%​ ​-5.05%
​25.09%
​58.38%
​Euro Stoxx 50
​หุ้นยุโรป
​24.78%
-5.14%​
​20.99%
​-11.74%
​19.19%
​50.65%
VNI
​หุ้นเวียดนาม
​7.67%
​14.87%
​35.73%
​-32.78%
​12.20%​
​26.60%



III: ลงทุนกับ S&P 500 Index

​S&P 500 Index ประกอบด้วยหุ้นสหรัฐฯ ถึง 500 บริษัท นักลงทุนทั่วไปคงไม่สามารถนำเงินที่มีไปกระจายลงทุนในหุ้นดังกล่าวได้โดยตรงเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ S&P 500 Index เนื่องจาก (1) ต้องใช้เงินมหาศาล เพราะหุ้นแต่ละบริษัทมีราคาสูง (2) สัดส่วนหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอด ตามมูลค่าตลาดที่เปลี่ยนแปลง (3) ภาษีเงินได้ ที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักเข้าเงื่อนไขต้องนำกำไรที่เกิดขึ้นมายื่นภาษี ในปีที่นำเงินนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทย


อีกทางเลือกหนึ่ง คือการลงทุนผ่าน ETF ของ บลจ.ต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในการลงทุนหุ้นต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ S&P 500 Index ซึ่งสามารถลงทุนได้ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือแอปพลิเคชันการลงทุนต่างๆ ซึ่งข้อจำกัดต่ำกว่าการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยตรง แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องภาษีเงินได้ที่ต้องยื่นในปีที่นำกำไรกลับประเทศไทยให้ต้องพิจารณาด้วย


ทางเลือการลงทุนที่ง่ายที่สุด ต้นทุนและข้อจำกัดน้อยที่สุด ณ ปัจจุบันในการลงทุน S&P 500 Index คือ กองทุนรวมของ บลจ.ประเทศไทย ที่มีนโยบายลงทุนใน ETF ที่ลงทุนใน S&P 500 Index (ผู้ลงทุนไม่ต้องลงทุน ETF เอง) โดยกำไรจากการลงทุนได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนเงินปันผล (ถ้ามี) เมื่อถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินปันผลที่ได้นั้นไปยื่นภาษีอีกก็ได้ รวมถึงยังใช้เงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยมาก เช่น 500 บาท เป็นต้น


กองทุนรวมที่ลงทุนใน S&P 500 Index ยกตัวอย่างเช่น กองทุน K-US500X-A(A) หรือกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส พาสซีฟ-A ชนิดสะสมมูลค่า ของ บลจ.กสิกรไทย

• เน้นลงทุนในกองทุน iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น NYSE Arca มีนโยบายการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับ S&P 500 Index 

• กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ) 

• มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน 

• ขายคืนได้ทุกวันทำการ โดยจะได้รับเงินค่าขายคืน 3 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+3) เช่น ขายคืนวันพุธ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันจันทร์ (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์) 

• ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 22.93% (ข้อมูล ณ 10 เม.ย. 67) และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตามปฏิทินเทียบกับตัวชี้วัดกองทุน และ S&P500 Index สกุลเงิน USD ตามตารางด้านล่าง


​​

ผลการดำเนินงานตามปีปฏิทินย้อนหลัง
​พ.ศ. 2564
​พ.ศ. 2565
พ.ศ. 2566
​กองทุน K-US500X-A(A)
​9.40%
​-19.35%
​20.63%
​ตัวชี้ว้ดกองทุน: S&P 500 total return
ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
​10.64%
​-17.18%
​22.36%
S&P 500 Index สกุลเงิน USD
​26.89%
​-19.44%
​24.23%


สามารถติดตามผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน และตัวชี้วัดกองทุน ได้จาก website ของ บลจ.กสิกรไทย คลิกทีนี่ ​​



IV: K WEALTH กับมุมมองการลงทุน S&P 500 Index (ณ เม.ย. 67)

​• เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถขยายตัวได้แบบค่อยเป็นค่อยไป (Goldilocks) และไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่หลายคนเคยกังวล คาดว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 67 จะส่งผลดีกับตลาดหุ้นโดยรวม โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนและหลังเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรและการตอบรับต่อนโยบายเศรษฐกิจ 

• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวน จากการดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาทำสถิติสูงสุด และการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในช่วงปิดไตรมาสที่ 1 แต่โดยรวมคาดว่าปัจจัยบวกยังมีอิทธิพลเหนือปัจจัยรบกวนระยะสั้น



V: คำแนะนำการลงทุน จาก K WEALTH

K WEALTH มีมุมมองการลงทุนค่อนข้างเป็นบวกสำหรับหุ้นสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ เม.ย. 67) ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถทยอยลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ได้ เช่น กองทุน K-US500X-A(A) ซึ่งเป็นกองทุนรวมดัชนี S&P 500 หรืออาจเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนเชิงรุก เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี้อ้างอิง เช่น K-USA ซึ่งเป็นกองทุนที่มีให้เลือกทั้งแบบมีและไม่มีเงินปันผล


อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีการลงทุนหุ้นสหัฐฯ หรือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ อยู่แล้ว แนะนำว่าไม่ควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มากกว่า 30% เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว โดยหากต้องการลงทุนเพิ่มแนะนำลงทุนกองทุน K-WPULTIMATE ที่เน้นลงทุนในหุ้นประเทศต่างๆ ประมาณ 85%ของเงินลงทุน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น แต่จำกัดความเสี่ยงจากหุ้นประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยการกระจายความเสี่ยงในประเทศที่หลากหลาย


S&P 500 Index ดัชนีหุ้นหลักที่สะท้อนภาพการลงทุนในหุ้นประเทศต่างๆ ที่ปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่มีไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีนี้ได้ โดยการลงทุนผ่านกองทุนรวม ที่เริ่มต้นเพียง 500 บาท สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทุนกองทุนมาก่อน สามารถเปิดบัญชีกองทุนได้ทันทีบนแอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย



บทความโดย K WEALTH Trainer ราชันย์ ตันติจินดา CFP®

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

กองทุนรวมคืออะไร ประเภทไหนที่เหมาะกับคุณ เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุนกองทุนรวม
Active vs Passive DCA กองไหนดีกว่ากันในระยะยาว
ETF คืออะไร? ทำความเข้าใจกองทุน ETF จุดเด่นจุดด้อยเมื่อเทียบกับหุ้นและกองทุนดัชนี
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!