รู้จักดัชนี S&P 500 อยากลงทุนต้องซื้อยังไง? เข้าใจพื้นฐานสู่โอกาสการลงทุน

• S&P 500 Index ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ที่ประกอบด้วยหุ้นบริษัทสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ 500 แห่ง และมีความเคลื่อนไหวสอดคล้องกับตลาดหุ้นหลายประเทศ จึงมักถูกใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน


• เงินลงทุนที่มีสามารถเติบโตไปกับ S&P 500 Index ได้ด้วยกองทุน K-US500X-A(A) ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักที่ลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ S&P 500 Index




S&P 500 Index หนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หลายกองทุนทั้งกองทุนแบบเชิงรับและเชิงรุก S&P 500 Index จึงมักถูกใช้ติดตามความเคลื่อนไหวเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ


I: S&P 500 Index คืออะไร

S&P 500 Index หรือ Standard & Poor’s 500 คือดัชนีหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 500 แห่ง ที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ New York Stock Exchange (NYSE) และ Nasdaq ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1923 (พ.ศ. 2466) โดย Standard and Poor''s ด้วยบริษัทที่มูลค่ามากที่สุด 233 แห่ง และขยายเป็น 500 แห่งในปี ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500)


หุ้นที่ถูกคัดเลือกมาใช้เป็นองค์ประกอบใน S&P 500 Index นั้น ถูกพิจารณาจากสภาพคล่องการซื้อขายและการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ซึ่งต้องมีมูลค่าตลาดสูงและมีสภาพคล่องเพียงพอ



II: S&P 500 Index กับการลงทุนทั่วโลก

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดหุ้นหลักของโลก โดยตลาดหุ้นอื่นหลายประเทศ มักมีความเคลื่อนไหวในทิศางเดียวกับของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ S&P 500 Index ซึ่งพิจารณาได้จากผลตอบแทนรายปีปฏิทินย้อนหลัง 5 ปี (สิ้นปีเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า) ของตลาดหุ้นโลกโดยรวม หุ้นญี่ปุ่น หุ้นยุโรป และหุ้นเวียดนาม ที่ในปี 2565 S&P 500 Index ติดลบ 19% ตลาดหุ้นต่างๆ ดังกล่าวก็ติดลบเช่นกัน หรือในปีที่ S&P 500 Index กำไร ตลาดหุ้นประเทศอื่นส่วนใหญ่ก็กำไรเช่นกัน (ยกเว้นปี 2563 ที่หุ้นยุโรปขาดทุน) แต่ก็ใช่ว่าผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมจะเท่ากัน เช่น การลงทุนตั้งแต่สิ้นปี 2561 ถึงสิ้นปี 2566 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนรวมสะสมอยู่ที่ 90% ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกอยู่ที่ 60% เท่านั้น


ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (สกุลเงินต่างประเทศ)
ดัชนี / Index

ประเทศ/ภูมิภาค
ตามปีปฏิทิน (พ.ศ.)
สะสม 5 ปี
2562
2563
2564
2565
2566
S&P 500
หุ้นสหรัฐฯ
28.88%
16.26%
26.89%
-19.44%
24.23%

90.27%
MSCI All Country
World Equity
หุ้นโลก
24.05%
14.34%
16.80%
-19.80%
20.09%
59.55%
TOPIX
หุ้นญี่ปุ่น
15.21%
4.84%
10.40% -5.05%
25.09%
58.38%
Euro Stoxx 50
หุ้นยุโรป
24.78%
-5.14%
20.99%
-11.74%
19.19%
50.65%
VNI
หุ้นเวียดนาม
7.67%
14.87%
35.73%
-32.78%
12.20%
26.60%



III: ลงทุนกับ S&P 500 Index

S&P 500 Index ประกอบด้วยหุ้นสหรัฐฯ ถึง 500 บริษัท นักลงทุนทั่วไปคงไม่สามารถนำเงินที่มีไปกระจายลงทุนในหุ้นดังกล่าวได้โดยตรงเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ S&P 500 Index เนื่องจาก (1) ต้องใช้เงินมหาศาล เพราะหุ้นแต่ละบริษัทมีราคาสูง (2) สัดส่วนหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอด ตามมูลค่าตลาดที่เปลี่ยนแปลง (3) ภาษีเงินได้ ที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักเข้าเงื่อนไขต้องนำกำไรที่เกิดขึ้นมายื่นภาษี ในปีที่นำเงินนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทย


อีกทางเลือกหนึ่ง คือการลงทุนผ่าน ETF ของ บลจ.ต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในการลงทุนหุ้นต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ S&P 500 Index ซึ่งสามารถลงทุนได้ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือแอปพลิเคชันการลงทุนต่างๆ ซึ่งข้อจำกัดต่ำกว่าการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยตรง แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องภาษีเงินได้ที่ต้องยื่นในปีที่นำกำไรกลับประเทศไทยให้ต้องพิจารณาด้วย


ทางเลือการลงทุนที่ง่ายที่สุด ต้นทุนและข้อจำกัดน้อยที่สุด ณ ปัจจุบันในการลงทุน S&P 500 Index คือ กองทุนรวมของ บลจ.ประเทศไทย ที่มีนโยบายลงทุนใน ETF ที่ลงทุนใน S&P 500 Index (ผู้ลงทุนไม่ต้องลงทุน ETF เอง) โดยกำไรจากการลงทุนได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนเงินปันผล (ถ้ามี) เมื่อถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แล้ว ก็ไม่ต้องนำเงินปันผลที่ได้นั้นไปยื่นภาษีอีกก็ได้ รวมถึงยังใช้เงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยมาก เช่น 500 บาท เป็นต้น


กองทุนรวมที่ลงทุนใน S&P 500 Index ยกตัวอย่างเช่น กองทุน K-US500X-A(A) หรือกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส พาสซีฟ-A ชนิดสะสมมูลค่า ของ บลจ.กสิกรไทย

• เน้นลงทุนในกองทุน iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้น NYSE Arca มีนโยบายการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้สอดคล้องกับ S&P 500 Index

• กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 (จากสูงสุด 8 ระดับ)

• มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

• ขายคืนได้ทุกวันทำการ โดยจะได้รับเงินค่าขายคืน 3 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+3) เช่น ขายคืนวันพุธ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันจันทร์ (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)

• ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 22.93% (ข้อมูล ณ 10 เม.ย. 67) และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตามปฏิทินเทียบกับตัวชี้วัดกองทุน และ S&P500 Index สกุลเงิน USD ตามตารางด้านล่าง




ผลการดำเนินงานตามปีปฏิทินย้อนหลัง
พ.ศ. 2564
พ.ศ. 2565
พ.ศ. 2566
กองทุน K-US500X-A(A)
9.40%
-19.35%
20.63%
ตัวชี้ว้ดกองทุน: S&P 500 total return
ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
10.64%
-17.18%
22.36%
S&P 500 Index สกุลเงิน USD
26.89%
-19.44%
24.23%


สามารถติดตามผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน และตัวชี้วัดกองทุน ได้จาก website ของ บลจ.กสิกรไทย คลิกทีนี่



IV: K WEALTH กับมุมมองการลงทุน S&P 500 Index (ณ เม.ย. 67)

• เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถขยายตัวได้แบบค่อยเป็นค่อยไป (Goldilocks) และไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่หลายคนเคยกังวล คาดว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 67 จะส่งผลดีกับตลาดหุ้นโดยรวม โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนและหลังเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรและการตอบรับต่อนโยบายเศรษฐกิจ

• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวน จากการดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาทำสถิติสูงสุด และการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในช่วงปิดไตรมาสที่ 1 แต่โดยรวมคาดว่าปัจจัยบวกยังมีอิทธิพลเหนือปัจจัยรบกวนระยะสั้น



V: คำแนะนำการลงทุน จาก K WEALTH

K WEALTH มีมุมมองการลงทุนค่อนข้างเป็นบวกสำหรับหุ้นสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ เม.ย. 67) ผู้ที่สนใจลงทุนสามารถทยอยลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ได้ เช่น กองทุน K-US500X-A(A) ซึ่งเป็นกองทุนรวมดัชนี S&P 500 หรืออาจเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนเชิงรุก เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี้อ้างอิง เช่น K-USA ซึ่งเป็นกองทุนที่มีให้เลือกทั้งแบบมีและไม่มีเงินปันผล


อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีการลงทุนหุ้นสหัฐฯ หรือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ อยู่แล้ว แนะนำว่าไม่ควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มากกว่า 30% เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว โดยหากต้องการลงทุนเพิ่มแนะนำลงทุนกองทุน K-WPULTIMATE ที่เน้นลงทุนในหุ้นประเทศต่างๆ ประมาณ 85%ของเงินลงทุน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น แต่จำกัดความเสี่ยงจากหุ้นประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยการกระจายความเสี่ยงในประเทศที่หลากหลาย


S&P 500 Index ดัชนีหุ้นหลักที่สะท้อนภาพการลงทุนในหุ้นประเทศต่างๆ ที่ปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถนำเงินที่มีไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีนี้ได้ โดยการลงทุนผ่านกองทุนรวม ที่เริ่มต้นเพียง 500 บาท สำหรับผู้ที่ไม่เคยลงทุนกองทุนมาก่อน สามารถเปิดบัญชีกองทุนได้ทันทีบนแอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH Trainer ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
Back to top