K WEALTH / บทความ / Wealth Management / กองทุนตราสารหนี้ร่วง แต่ทำไมควรทยอยซื้อ และถือต่อ
29 มิถุนายน 2565
3 นาที

กองทุนตราสารหนี้ร่วง แต่ทำไมควรทยอยซื้อ และถือต่อ


​​​​“

● ราคาตราสารหนี้ที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยตลาดที่เปลี่ยนแปลง ก็เพื่อให้ผู้ที่จะลงทุนตราสารหนี้ได้รับผลตอบแทนเพิ่ม สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยตลาดที่ปรับตัวขึ้น


● หากตราสารหนี้ในกองทุนไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ แม้ราคากองทุนตราสารหนี้ลดลง การถือลงทุนได้นานกว่า portfolio duration ของแต่ละกองทุน กองทุนส่วนใหญ่ราคามักกลับมาเท่าทุนและมีกำไรให้เห็น


● ความเสี่ยงผิดนัดชำระของผู้ออกตราสารหนี้ในกองทุน เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องดูเมื่อต้องการลงทุนกองทุนตราสารหนี้



สินทรัพย์ลงทุนอย่างกองทุนเมื่อราคาลดลง มักเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ชอบและเลือกที่จะหลีกเลี่ยง ในขณะที่หากเป็นสินค้าทั่วไปพอติดป้าย Sale ลดราคา หลายคนกลับชอบและพร้อมนำเงินที่มีอยู่ไปซื้อเก็บไว้


เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะราคาสินค้า Sale มักถูกเปรียบเทียบกับราคาสินค้าปกติทำให้รู้สึกว่าเป็นของถูก ในขณะที่สินทรัพย์ลงทุนอาจไม่มีระดับราคาที่เหมาะสมให้เปรียบเทียบได้ง่ายนัก แต่รู้หรือไม่ว่า “ตราสารหนี้” แม้ราคาเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อถึงเวลาใกล้กำหนดครบอายุ ราคาตราสารหนี้ส่วนใหญ่ที่ผู้ออกยังคงจ่ายคืนดอกเบี้ยและเงินต้นได้อยู่ราคามักกลับมาใกล้เคียงกับมูลค่าที่ตราไว้หรือที่ระบุในสัญญา ดังนั้นราคาตราสารหนี้ที่เปลี่ยนแปลงหรือลดต่ำลง อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเสมอไปและอาจเป็นโอกาสในการลงทุนได้อีกด้วย



(1) ทำไม ราคาตราสารหนี้ถึงลดลงได้

ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ฯลฯ หลังจากปิดการจองซื้อและจัดสรรให้ผู้ลงทุนแล้ว มักถูกนำไปจดทะเบียนในตลาดรองเพื่อให้ผู้ถือสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ก่อนครบอายุ โดยราคาตราสารหนี้ที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ความต้องการถือตราสารหนี้ของผู้ลงทุนส่วนใหญ่ อัตราดอกเบี้ยตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ


เช่น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยตลาดมีการปรับตัวขึ้น ตราสารหนี้ที่ออกใหม่จะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ตราสารหนี้เดิมที่มีอยู่ในตลาดมีความน่าสนใจลดลง แต่การที่ราคาตราสารหนี้ส่วนใหญ่ลดลงไม่ได้หมายความว่าตราสารหนี้ไม่น่าสนใจ เพราะราคาตราสารหนี้ที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยตลาดที่เปลี่ยนแปลงก็เพื่อให้ผู้ที่จะมาซื้อตราสารหนี้นั้นได้รับผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับการไปซื้อตราสารหนี้ออกใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นนั่นเอง



(2) ถือตราสารหนี้ให้สบายใจ ควรดูที่อะไร

ช่วงที่ดอกเบี้ยตลาดปรับตัวขึ้น ผู้ถือตราสารหนี้เดิมแม้จะเห็นราคาสิ่งที่ถืออยู่ลดลงหรือติดลบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งใกล้เวลาที่ตราสารหนี้ครบอายุราคาตลาดของตราสารหนี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวใกล้เคียงกับราคาที่ตราไว้ เพราะด้วยเงื่อนไขของตราสารหนี้ไม่ว่าราคาหรือดอกเบี้ยตลาดจะเป็นอย่างไร ผู้ออกมีหน้าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนให้กับผู้ถือตามสัญญา ดังนั้นหากผู้ออกตราสารหนี้ยังคงดำเนินธุรกิจได้ตามปกติและยังไม่มีข่าวหรือสัญญาณที่จะผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือตราสารหนี้ก็ยังคงสบายใจกับการลงทุนตราสารหนี้นั้นได้


สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่ไม่มีกำหนดอายุกองทุนไว้ ก็สามารถดูอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนอยู่ (portfolio duration) ได้จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (fund fact sheet​) ซึ่งโดยปกติหากถือกองทุนตราสารหนี้ได้ตามระยะเวลาที่ไม่น้อยกว่า portfolio duration แล้ว ผู้ถือกองทุนส่วนใหญ่มักได้รับกำไรหรือส่วนต่างราคากองทุน จากดอกเบี้ยและเงินต้นที่ทยอยได้คืนของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนอยู่


เพื่อให้เป็นภาพที่ชัดเจนของราคากองทุนตราสารหนี้ที่ปรับตัวขึ้น ขอยกตัวอย่างกองทุน K-SF และกองทุน K-CBOND ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย โดย

     - กองทุน K-SF (กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น) จากข้อมูล NAV 5 มิ.ย. 56 – 6 มิ.ย. 65 พบว่ากองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงสุด -0.0868% หากลงทุนในวันที่ 18 มี.ค. 63 และถือจนถึง 20 มี.ค. 63 (ระยะเวลา 2 วัน) โดยหลังจากนั้นแม้ NAV มีการปรับขึ้นลงบ้าง แต่นับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 63 เป็นต้นไป (ระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ลงทุน) NAV ของกองทุนนี้ก็ไม่เคยลดลงมาต่ำกว่า NAV ของวันที่ 18 มี.ค. 63 อีกเลย ซึ่งปัจจุบันกองทุนนี้มี portfolio duration อยู่ที่ 0.32 ปี หรือประมาณเกือบ 4 เดือน (อ้างอิง fund fact sheet ณ 29 เม.ย. 65) 

     - กองทุน K-CBOND-A (กองทุนเปิดเค หุ้นกู้ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป) จากข้อมูล NAV 4 ม.ค. 43 – 6 มิ.ย. 65 พบว่ากองทุนเคยมีผลขาดทุนสูงสุด -3.4639% หากลงทุนในวันที่ 23 ก.ค. 46 และถือจนถึง 31 ม.ค. 49 (ระยะเวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง นับจากวันที่ลงทุน) โดยหลังจากนั้น NAV ของกองทุนนี้ก็ไม่เคยลดลงมาต่ำกว่า NAV ของวันที่ 23 ก.ค. 46 อีกเลย ซึ่งปัจจุบันกองทุนนี้มี portfolio duration อยู่ที่ 1.72 ปี หรือประมาณเกือบ 1 ปี 9 เดือน (อ้างอิง fund fact sheet ณ 29 เม.ย. 65)


แม้ผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานในอนาคตของการลงทุนได้เสมอไป แต่จากลักษณะของตราสารหนี้ที่กล่าวมา น่าจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้ได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้นได้



(3) ราคากองทุนตราสารหนี้ จะกลับมาเท่าทุนเสมอไปหรือไม่

โดยทั่วไปแล้วแม้ว่ากองทุนตราสารหนี้มีความผันผวน แต่หากถือลงทุนได้นานกว่า portfolio duration ก็มักไม่ค่อยเห็นผลขาดทุน แต่ก็มีกรณียกเว้นอยู่บ้าง เช่น กรณีที่มีตราสารหนี้ในกองทุนมีการผิดนัดชำระหนี้หรืออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถจ่ายคืนดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้แม้เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่ก็เคยเกิดขึ้นมาบ้างแล้ว


ตัวอย่างเช่นเดือน พ.ค. 63 ที่มีบริษัทสายการบินแห่งหนึ่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ส่งผลต่อสิทธิเรียกร้องของผู้ถือหุ้นกู้ในฐานะเจ้าหนี้บริษัท ในกรณีนี้แม้ไม่ได้ถึงขั้นทำให้ผู้ที่ถือหุ้นกู้สูญเสียเงินลงทุนส่วนนี้ทั้งหมดแต่อาจไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือเงินต้นในระหว่างที่บริษัทยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่ง ณ ขณะนั้น กองทุนที่ถือหุ้นกู้บริษัทสายการบินนั้นอยู่ ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการแยกส่วนเงินลงทุนที่เป็นหุ้นกู้นั้นออกไป หรือเรียกว่า Set Aside ส่งผลให้ NAV กองทุนลดต่ำลงตามสัดส่วนที่กองทุนถือหุ้นกู้นั้น โดยเงินลงทุนที่ถูกแยกส่วนไปจะได้รับคืนหลังจากบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูแล้วในภายหลัง ซึ่งมูลค่าที่ได้รับอาจต่ำกว่าหรือสูงกว่าเงินที่ถูกแยกไว้ก็ได้ ส่วนเงินลงทุนหลังจากวันที่ดำเนินการ Set Aside จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะจะไม่มีการลงทุนในหุ้นกู้นั้นแล้ว



สิ่งที่ต้องดู เมื่อคิดลงทุนกองทุนตราสารหนี้

เพื่อให้ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะตอนที่ราคากองทุนตราสารหนี้มีการปรับตัวลง ซึ่งนอกจากไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแล้ว ยังเป็นโอกาสที่อาจได้ซื้อของดีในราคาถูก หากพิจารณา 3 สิ่งนี้ จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (fund fact sheet) ก่อนลงทุน


1) อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนอยู่ (portfolio duration)

ว่าสอดคล้องกับระยะเวลาที่ต้องการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ครั้งนี้หรือไม่ โดยควรลงทุนให้ได้นานกว่า portfolio duration ของกองทุน


2) อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ส่วนใหญ่ในกองทุน (credit rating)

ซึ่งจะมีการแสดง credit rating ของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนไว้เกิน 20%ของมูลค่ากองทุน หาก credit rating ที่แสดงมีเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐ (Gov.bond) หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีความน่าเชื่อถือระดับน่าลงทุน (Investment Grade: ระดับ AAA, AA, A, หรือ BBB) แสดงว่าตราสารหนี้ส่วนใหญ่ที่ลงทุนมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ช่วยลดความกังวลใจเมื่อคิดลงทุน


3) การกระจุกตัวในผู้ออกหรือหมวดอุตสาหกรรม

หากกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัว หรือมีการลงทุนในบางผู้ออกหรือบางหมวดอุตสาหกรรมในสัดส่วนที่สูง กองทุนอาจมีความเสี่ยงหากบางบริษัทหรือบางหมวดอุตสาหกรรมไม่สามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติ จากปัจจัยที่ส่งผลกระทบเฉพาะเจาะจงต่อบริษัทหรืออุตสาหกรรมนั้น


กองทุนตราสารหนี้ ทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เพราะราคากองทุนแม้มีขึ้นลง แต่ก็มักกลับมากำไรได้หากลงทุนได้นานพอ ผู้ลงทุนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับความผันผวนในระยะสั้น หรือหากยังกังวลก็สามารถเลือกกองทุนที่มี portfolio duration ที่สั้นลง เพื่อให้มีความสุขกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน"



บทความโดย K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

กองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ

ดูเพิ่มเติม

หุ้นกู้ / พันธบัตร​

ดูเพิ่มเติม