Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

มาเร็วเกินคาด Aging Society วางแผนพร้อมรับมือสร้างความมั่งคั่งวัยเกษียณ

มาเร็วเกินคาด Aging Society วางแผนพร้อมรับมือสร้างความมั่งคั่งวัยเกษียณ

​​        โลกกำลังเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงอายุ โดยในปี พ.ศ. 2593 หรือ ในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้านี้ ทั่วโลกจะมีสัดส่วนของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 25% หรือ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งโลก สำหรับประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ. 2543 – 2544 จากประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด และ กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Completed Aged Society) หรือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป ในอนาคตอันใกล้นี้




        จากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับการระบาดของ Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพ สุขอนามัยทั้งของตนเองและของส่วนรวมมากขึ้น ทำให้ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสุขภาพ (HealthTech) และ เทคโนโลยีการแพทย์ (MedTech) มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ก่อให้เกิด 4 เทรนด์ใหม่ “เทรนด์เทคโนโลยีดูแลสุขภาพ” โดยรายละเอียดมีดังนี้

    • Telehealth การดูแลสุขภาพ ให้คำปรึกษาทางไกล และ Telemedicine การแพทย์ทางไกล เพื่อลดปัญหาการเดินทาง
    • Wearable Medical Devices หรือ อุปกรณ์การแพทย์ที่สวมใส่ได้ เช่น วัดอัตราการเต้นหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด
    • การใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และ Machine Learning ในการช่วยประมวลผลวิเคราะห์ทางการแพทย์ และดูแลสุขภาพส่วนบุคคล
    • Personalized Medicine and Genomics การใช้เทคโนโลยีด้านจีโนมิกส์และพันธุศาสตร์เพื่อการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล



และด้วยเทรนด์ดังกล่าว ทำให้ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนวัยแรงงาน การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ส่งผลให้ค่าตอบแทนบุคคลากรทางการแพทย์เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการเข้าถึงเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ยารักษาโรคใหม่ ๆ มีต้นทุนที่สูง จึงส่งผลให้เงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้นทุกปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยในปัจจุบันเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลอยู่ในอัตราเฉลี่ยปีละ 5 - 8% หรือ จะขึ้นเป็น 2 เท่า ในทุกๆ 10 ปี ทั้งนี้นับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่หนักอยู่พอสมควร ดังนั้นการวางแผนเกษียณอายุอย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับสังคมผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งจำเป็น ประกอบด้วยการเตรียมความพร้อมใน 2 ด้าน ได้แก่

    • การเตรียมความพร้อมด้านการเงิน เช่น ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน การซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายเพื่อการผ่อนคลาย การชำระหนี้สิน และ เบี้ยประกันต่าง ๆ
    • การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพร่างกาย และ จิตใจ เช่น การเตรียมร่างกายให้แข็งแรงด้วยอาหาร และ การออกกำลังกาย, งานอดิเรกที่ชื่นชอบ และ การเตรียมใจรับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และ สภาพแวดล้อมรอบตัว



แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมทั้ง 2 ด้านนั้นย่อมมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อทั้ง เงินเฟ้อทั่วไป และ เงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้การประมาณการเพื่อชีวิตหลังเกษียณทำได้ยากขึ้น ดังนั้น การแบ่งพอร์ตการลงทุน ควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยบริหารค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยรูปแบบการแบ่งพอร์ตสามารถเลือกทำได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสม เช่น

การแบ่งพอร์ตการลงทุนและเลือกผลิตภัณฑ์ตามความเสี่ยงและช่วงเวลาที่ต้องการใช้เงิน
    • พอร์ตความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงต้นของการเกษียณ (เช่น ช่วงอายุ 60 - 65 ปี)
    • พอร์ตความเสี่ยงปานกลาง เช่น หุ้นกู้ กองทุนรวมผสม สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงกลางของการเกษียณ (เช่น อายุ 65 - 75 ปี)
    • พอร์ตความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น กองทุนรวมหุ้น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงปลายของการเกษียณ (เช่น หลังอายุ 75 ปี เป็นต้นไป)
** ทั้งนี้ ให้ปรับลดความเสี่ยงลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาเงินต้น

การแบ่งพอร์ตการลงทุนและเลือกผลิตภัณฑ์ตามวัตถุประสงค์การใช้เงิน
    • ค่าใช้จ่ายพื้นฐานหลังเกษียณ เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง
    • เลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีการจ่ายกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ได้แก่ หุ้นกู้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ย อสังหาริมทรัพย์ที่มีการจ่ายค่าเช่าสม่ำเสมอ หรือ แบบประกันบำนาญเป็นต้น
    • ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่บริหารได้ยากที่สุด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงทุก ๆ ปี
    • แนะนำให้ โอนความเสี่ยงให้กับประกันสุขภาพ ควบคู่กับการสร้างพอร์ตการลงทุน โดย อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมผสม กองทุนรวมหุ้น หรือ อาจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันควบการลงทุน เพื่อนำไปชำระเบี้ยประกันสุขภาพ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ที่ไม่มีสวัสดิการมารองรับ

กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง
K-GINCOME
กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด (Income)

อ่านรายละเอียดกองทุน

ซื้อกองทุนง่าย ๆ ผ่าน K PLUS
​K-GINCOME-A(A)

​K-GINCOME-A(R) 

​K-GINCOME-SSF

​K-GINCOME-RMF


สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
K-GHEALTH
สร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตด้วยตอบรับสังคมผู้สูงอายุ
และ รับมือความผันผวนของภาวะตลาด ด้วยกองทุนรวม Health Care
ทำความรู้จักกองทุนสุขภาพ ได้ที่บทความ  : เจาะลึกลงทุนธุรกิจ Health Care ทางรอดสู้เศรษฐกิจถดถอย

อ่านรายละเอียด
​ซื้อกองทุนง่าย ๆ ผ่าน K PLUS



ผลิตภัณฑ์ประกันแนะนำ
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
ติดตามอ่านเพิ่มได้ในบทความ : เปรียบเทียบประกันเหมาจ่าย ดีจริง คุ้มจริง ต้องอันไหน


ประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-Linked
ติดตามอ่านเพิ่มได้ในบทความ : เช็กเลย ประกันแบบไหนบ้าง ที่ให้ทั้งความคุ้มครอง และผลตอบแทน



ประกันสุขภาพคู่ประกันชีวิตควบการลงทุน
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ : เปิดบิลค่ารักษา เตรียมยังไงให้พอ



วรสุดา ใช้เทียมวงศ์ CFP®
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า

ที่มา :


กลับ

​​  โลกกำลังเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงอายุ โดยในปี พ.ศ. 2593 หรือ ในอีกไม่ถึง 30 ปีข้างหน้านี้ ประกอบกับการระบาดของ Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพ สุขอนามัยทั้งของตนเองและของส่วนรวมมากขึ้น​ ทำให้ทิศทางของธุรกิจในอนาคตมีมุมมองที่เปลี่ยนแปลงไป​