อัพเดตสถานการณ์และมุมมองการลงทุน KTFT6
กองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 6 (KTFT6) ยังมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถถือหน่วยลงทุนต่อ หรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ โดย บลจ.กสิกรไทย จะยังคงจัดการกองทุน พร้อมปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน
มุมมองตลาด downside จำกัด ลุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภคเติบโต ดันหุ้นไทยปรับขึ้น
ผู้จัดการกองทุนมองว่า แม้ในระยะสั้นคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 /2566 ที่กำลังทยอยออกมาจะยังสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศในช่วงก่อนหน้านี้ จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่า downside ของ SET จากระดับปัจจุบันมีจำกัด และ SET Index ในระยะถัดไป มีปัจจัยที่ช่วยหนุนให้หุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้ มีดังนี้
1. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้ในปีนี้จากเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสเติบโตเร่งตัวขึ้น
2. ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ยังโตต่อเนื่อง การส่งออกที่จะกลับมาขยายตัว
3. การลงทุนภาครัฐและเอกชน น่าจะเร่งตัวขึ้นหลังประกาศใช้งบประมาณในไตรมาส 2/2567
4. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ผ่านจุดสูงสุดแล้วจะช่วยลดแรงกดดันในเชิง Valuation
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยคาดการณ์การเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2567 ที่ +16.4% และคาดว่าราคา SET Index เป้าหมายปี 2567 จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,500-1,570 จุด โดยสะท้อนกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่มีการปรับตัวลดลงและการ de-rate อัตราส่วน P/E มาที่ระดับค่าเฉลี่ย
ผู้จัดการกองทุนทำอะไร
การ Asset Allocation ผู้จัดการกองทุนมีการปรับพอร์ตในหุ้นรายตัวเพื่อขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมายที่วางไว้ในระยะสั้น ทำให้มีการถือครองเงินสดในพอร์ตประมาณ 10% ยังคงมุมมองว่า SET Index ที่ระดับ 1,400 จุด มี Downside จำกัด
Theme การลงทุนหลัก เน้นลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีการประกาศผลประกอบการที่ดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และแนวโน้มยังดีต่อในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 การคัดเลือกหุ้นรายอุตสาหกรรมและหุ้นรายตัว (Sector & Stock selection) เน้นลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก
หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่น เน้นให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด มีดังนี้
1. หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
1.1 หุ้นในกลุ่มพาณิชย์ (Commerce) ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีโอกาสที่ได้รับผลโดยตรงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่ายต่างๆ เช่น ค่าไฟฟ้า หรือราคาน้ำมัน เป็นต้น และคาดว่างบไตรมาสที่ 4 ที่จะประกาศออกมาจะมีการฟื้นตัวได้ดี เนื่องจากเป็นช่วง High season
1.2 หุ้นกลุ่มการเงิน (Finance) การประเมินราคาหุ้น (Valuation) ซื้อขายไม่แพงและกำไรปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
2. หุ้นที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เช่น หุ้นกลุ่มโรงแรม (Hotel) หุ้นกลุ่มขนส่ง (Transportation) หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (Commercial Property) เป็นต้น
3. หุ้นกลุ่มที่กำไรจะมีการฟี้นตัวกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว (Turnaround) จากปัจจัยเฉพาะตัว เช่น หุ้นรายตัวในกลุ่ม Electronics ที่คาดว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และบริษัทมีแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
กลยุทธ์การบริหารกองทุนที่ใช้เพิ่มเติมในระยะถัดไป จะใช้กลยุทธ์จับจังหวะการซื้อขาย (Tactical trade) ในหุ้นรายตัวนอกเหนือจาก Theme ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อทำกำไรระยะสั้นในหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน
ความเสี่ยงที่ต้องจับตาในระยะถัดไป คือ สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสว่าจะยืดเยื้อและลุกลามเป็นสงครามระดับภูมิภาคหรือไม่ ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งสหรัฐฯ และไทย รวมทั้งทิศทางค่าเงินบาท เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่วยลงทุนของกองทุน KTFT6 มีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถทำการขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 27/2/2567 หรือกรณีที่ผู้ถือหน่วยลงทุนถือหน่วยลงทุนต่อ หากกองทุน KTFT6 มีมูลค่าเป็นไปตามที่กำหนดในโครงการ ณ วันทำการใด บริษัทจัดการจะดำเนินการเลิกกองทุนต่อไป
การจัดสัดส่วนระดับอุตสาหกรรมส่งผลดีช่วงเดือนที่ผ่านมา
จากรายงานสถานะการลงทุนประจำเดือน ม.ค. 2567 กองทุน KTFT6 เน้นสัดส่วนตามกลุ่มอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มพาณิชย์, เงินทุนและหลักทรัพย์, พัฒนาอสังหาฯ, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, บริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองการลงทุนของผู้จัดการกองทุนที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการฟื้นตัวจากปัจจัยเฉพาะตัว
ส่งผลให้กองทุน KTFT6 ฟื้นตัวขึ้นมาทำผลตอบแทนระหว่างวันที่ 23 ม.ค. – 23 ก.พ. 2567 ได้ 4.74% สูงกว่าดัชนี SET TRI ที่ทำผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันได้ 2.4%
คำแนะนำการลงทุน
หากรับความเสี่ยงได้ ต้องการถือรอดูสถานการณ์และยังไม่รีบใช้เงินก้อนนี้
แนะนำถือครองต่อเพื่อรอรับปัจจัยบวกที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งมีโอกาสหนุนตลาดหุ้นไทยและผลดำเนินการกองทุน KTFT6 ให้ฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับต้นทุนหรือระดับราคาที่ยอมรับได้ หากมีสัดส่วนมากกว่า 30% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด แนะนำลดสัดส่วนให้ไม่เกิน 30% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด
หากรับความเสี่ยงได้ และยังไม่รีบใช้เงินก้อนนี้ แต่ไม่ต้องการถือหน่วยลงทุนต่อ
แนะนำปรับสัดส่วนโดยขายหน่วยลงทุนเพื่อย้ายไปลงทุนกองทุนแนะนำ ตามความเสี่ยงที่เหมาะสมและนักลงทุนยอมรับได้ ดังนี้
• ระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง แนะนำกองทุนผสม เช่น กองทุน K-PLAN2, K-PLAN3, WP-BALANCED, WP-ULTIMATE
• ระดับสูง แนะนำกองทุนต่างประเทศ เช่น K-HIT-A(A), K-CHANGE-A(A), K-JPX-A(A), K-GHEALTH, K-VIETNAM
หากมีความกังวล ไม่ต้องการถือหน่วยลงทุนต่อ
หลังวันที่ 27 ก.พ. 2567 เป็นต้นไป แนะนำขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามเวลาปกติเช่นเดียวกับการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงวันที่ 23 ก.พ. 2567 กองทุนนี้มีผลตอบแทน -12.05%
ขอขอบคุณข้อมูลจาก บลจ.กสิกรไทย
ที่มา : บลจ.กสิกรไทย ณ 23 ก.พ. 2567
*NAV ณ วันที่ 23 ก.พ. 2567
คำเตือน
• มูลค่าหน่วยลงทุนเป้าหมายไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถทำการขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ โดยเป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
• หากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
• กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• สนใจและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
สนใจและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน