ประเด็นร้อน: อัปเดตวิกฤติอสังหาฯจีน พร้อมแนวทางรับมือ

     o กรณีเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง แนะนำสับเปลี่ยนจากกองทุนหุ้นจีนส่วนที่เกิน 10% ไปลงทุนในกองทุนหุ้น K-VIETNAM หรือ K-HIT-A(A) หรือ K-GHEALTH

      o กรณีเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ต่ำ แนะนำสับเปลี่ยนจากกองทุนหุ้นจีนส่วนที่เกิน 10% ไปไว้ในกองทุนตราสารหนี้ K-FIXEDPLUS-A หรือ K-GB-C(A)

ติดตามหุ้นกู้ Country Garden ที่จะครบกำหนด 2 ก.ย.

ต้นเดือน ส.ค. 66 Country Garden บริษัทพัฒนาอสังหาฯ อันดับ 1 ของจีน มีการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศมูลค่า 22.5 ล้านดอลลาร์ โดยสิ่งที่นักลงทุนกังวล คือ Country Garden เป็นบริษัทที่เน้นตลาดอสังหาฯ ระดับล่างถึงระดับกลาง มีกว่า 3,100 โครงการทั่วประเทศจีน เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงความเปราะบางของภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน​

นอกจากนั้น Country Garden กำลังจะมีหุ้นกู้ในประเทศ (Onshore) ครบกำหนดในวันเสาร์ที่ 2 ก.ย. 66 จำนวน 535 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอแบ่งชำระคืนหนี้ไปจนถึงเดือน ก.ย. 69 แต่มีผู้ถือหุ้นกู้บางส่วนต้องการให้ชำระคืนเต็มจำนวน หากทางบริษัทไม่สามารถยืดเวลาการชำระหนี้ได้จะส่งผลกระทบต่อ ตลาดหุ้นจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทอสังหาฯ เกิดการล้มละลาย ก็ยังส่งผลกระทบอย่างจำกัดต่อภาคสถาบันการเงิน เนื่องจากก่อนหน้านี้การซื้ออสังหาฯ ในจีนนั้น ผู้ซื้อต้องวางเงินดาวน์ประมาณ 70-80% ทำให้มูลค่าหนี้ที่มีกับสถาบันการเงินไม่สูงนัก แต่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากชาวจีนมีการสะสมความมั่งคั่งไว้กับการลงทุนอสังหาฯ กว่า 70% ของความมั่งคั่งครัวเรือนทั้งประเทศ ดังนั้นหากราคาอสังหาฯ ปรับตัวลงแรง ย่อมส่งผลต่อความมั่งคั่งของประชาชนโดยรวมลดลง

แนะนำให้ผู้ลงทุนกองทุนหุ้นจีนและกองทุนหุ้นเอเชียที่มีการลงทุนหุ้นจีนในสัดส่วนที่สูง ติดตามผลการเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้จนถึงวันครบกำหนดในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เพราะอาจส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้น รวมถึงหุ้นและหุ้นกู้ Country Garden

สถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นในช่วงที่ผ่านมา

​นับตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว หลังยกเลิกนโยบาย Zero-Covid โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ขยายตัว 4.5% ดีกว่าคาดที่ 4.0% ส่วนไตรมาส 2 GDP แม้จะขยายตัว 6.3% แต่ก็ต่ำกว่าคาดที่ 7.3% ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่เริ่มขยายตัวน้อยลง เช่น ตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์คงทน, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขค้าปลีก พร้อมกับตัวเลข CPI ที่หดตัว สะท้อนสัญญาณเงินฝืด สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดไว้

โดยช่วงเดือน มิ.ย. 66 ธนาคารกลางจีนมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าระบบสถาบันการเงิน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (LPR) เพื่อกระตุ้นการกู้ยืม โดยสัญญาณการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจชัดเจนขึ้นเมื่อนายกฯ จีน ได้พบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคฯ หลังจากที่ทางการจีนใช้นโยบายคุมเข้มมากว่า 2 ปี โดยเรียกร้องให้บริษัทเทคฯ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และหลังจากนั้นผู้ว่าธนาคารกลางจีนได้มีการพบกับผู้บริหารบริษัทอสังหาฯ และสถาบันการเงินเพื่อรับฟังปัญหาภาคอสังหาฯ และให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจดังกล่าว

อีกทั้งการประชุม Politburo เมื่อปลาย ก.ค. 66 เป็นสิ่งที่ยืนยันทิศทางนโยบายภาครัฐจีนในช่วงเวลาต่อจากนี้ ซึ่งผลการประชุมเปิดเผยว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นไปที่การบริโภคภายใน ภาคอสังหาฯ การลงทุน ระบบการเงิน เศรษฐกิจดิจิตอล ตลาดทุน และการท่องเที่ยว

โดยปลายสัปดาห์ก่อนภาครัฐจีนเรียกร้องให้กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกัน และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อหนุนตลาดหุ้นที่ซบเซา หลังจากนั้นก็มีการลดภาษีอากรแสตมป์ซื้อขายหุ้นอีก 50% ส่วนภาคอสังหาฯ ก็มีการยกเลิกกฎการจำนอง มีการขยายเวลาคืนภาษีเงินได้ให้กับผู้ซื้อบ้านใหม่ภายใน 1 ปี หลังการขายบ้านหลังเก่า อีกทั้งยังปรับลดอัตราวางเงินดาวน์จากเดิมที่ 70-80% มาที่ 30-40% นับเป็นสัญญาณการกระตุ้นของจีนหลังการประชุม Politburo

จะเห็นว่าถึงแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาแต่ราคาหุ้นยังคงปรับตัวลงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ มองไปข้างหน้าอย่างน้อยภายในสิ้นปีนี้ทางรัฐบาลจีนจำเป็นต้องมีมาตรการที่เห็นผลในวงกว้างและชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะมาตรการการคลัง

มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน

ตลาดหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาโดนกดดันจากความไม่แน่นอนในภาคอสังหาริมทรัพย์รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ยังน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวัง แต่อย่างไรก็ตามด้วยระดับ Valuation ของตลาดหุ้นจีนที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเทียบกับในอดีต เราจึงมีมุมมองว่านักลงทุนที่ถือกองทุนจีนอยู่สามารถถือต่อได้ ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนในหุ้นจีนให้รอติดตามสถานการณ์ โดยทาง K WEALTH จะมีการอัพเดตสถานการณ์และข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ​

คำแนะนำ

​

• สำหรับผู้ที่ยังไม่มีการลงทุนกองทุนหุ้นจีน (เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV) หรือมีการลงทุนในสัดส่วนที่น้อยกว่า 30%ของเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง (เช่น หุ้น กองทุนหุ้น ทองคำ กองทุนทองคำ กองทุนน้ำมัน REITs ฯลฯ) แนะนำติดตามสถานการณ์หุ้นจีน เพื่อหาโอกาสทยอยลงทุน โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์หน้าหลังรู้ผลการเจรจาของหุ้นกู้ Country Garden แล้ว

• สำหรับผู้ที่มีการลงทุนกองทุนหุ้นจีน ในสัดส่วนที่สูง หรือมากกว่า 30%ของเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

     o หากมีความกังวลกับความผันผวนของตลาดจีนมาก และกองทุนหุ้นจีนที่ถือขาดทุนในจำนวนที่สูง แนะนำให้ลดสัดส่วนกองทุนหุ้นจีนลง แนะนำสัดส่วนจีนมีไม่เกิน 10%ของเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดย

           กรณีเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง แนะนำสับเปลี่ยนจากกองทุนหุ้นจีนส่วนที่เกิน 10% ไปลงทุนในกองทุนหุ้น K-VIETNAM หรือ K-HIT-A(A) หรือ K-GHEALTH ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่จะได้รับผลตอบแทนนอกเหนือจากกองทุนหุ้นจีน

           กรณีเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ต่ำ แนะนำสับเปลี่ยนจากกองทุนหุ้นจีนส่วนที่เกิน 10% ไปไว้ในกองทุนตราสารหนี้ K-FIXEDPLUS-A หรือ K-GB-C(A) เพื่อลดความเสี่ยงและรอดูสถานการณ์ ในช่วงปีนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง

     o หากกองทุนหุ้นจีนที่ถือมีกำไร แนะนำให้ติดตามสถานการณ์หุ้นจีน และคำแนะนำจาก K WEALTH ช่วงต้นสัปดาห์หน้า ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”