K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน : FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยรอบแรกปี 2566 แนะขายหุ้นสหรัฐฯ
02 กุมภาพันธ์ 2566
2 นาที

ประเด็นร้อน : FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยรอบแรกปี 2566 แนะขายหุ้นสหรัฐฯ


​​"


• คณะกรรมกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็นไปตามที่คาด ส่งให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% แนะนำหาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ลง 


• ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง หรือมากกว่า ก่อนจะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ 


• ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาฯ หลังจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 2565 หลายบริษัทลดลง แนะนำถือหรือลงทุนต่อในกองทุนหุ้นเวียดนาม แต่ควรควบคุมสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 5%-10% ของเงินลงทุนในหุ้น


"



อัปเดตผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ


เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2566 คณะกรรมกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็นไปตามที่คาด ส่งให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับลงมาที่เป้าหมาย 2% ซึ่งล่าสุดเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 6.5% เทียบกับเดือนเดียวกันเมื่อปีก่อน

ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว


ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ตอบรับในเชิงบวกต่อผลการประชุม โดยปิดตลาดในแดนบวก นำโดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น +1.05% ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น +2.00% และดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้น +0.02% คาดว่าจะส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน โดยตลาดให้ความสำคัญในทางที่ดีต่อประโยคในแถลงการณ์การประชุมที่ระบุว่าเงินเฟ้อเริ่มลดแรงกดดัน แต่ยังคงเพิ่มขึ้น  ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง หรือมากกว่า ก่อนจะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แต่กล่าวเพิ่มเติมว่ายังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ ในช่วงท้ายของการแถลงข่าวยังตอบคำถามนักข่าวจาก CNBC ว่ามีความเป็นไปได้แน่นอนที่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% พร้อมแสดงความเห็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาที่ 2% โดยไม่กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะ หรือทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ

ด้านมุมมองต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2566 นายพาวเวลให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตลดลง แต่ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นบวก พร้อมไม่มองว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2566 นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Allianz Investment Management มองว่าการประชุมในครั้งนี้มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น (Dovish)


มุมมองการลงทุน


• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะสั้นถึงกลางหลังลดแรงกดดันจากท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินในครั้งนี้ พร้อมมองเห็นแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจน

• อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจที่เติบโตลดลงจากปีก่อนมีโอกาสสร้างแรงกดดันต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องระมัดระวังในการลงทุนสำหรับปี 2566

• นักลงทุนติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในคืนวันที่ 2 ก.พ. 66


อัปเดตสถานการณ์หุ้นเวียดนาม 


1 ก.พ. 66 ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลง โดยดัชนี VNI -3.17% และ VN30 -3.29% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้กองทุนหุ้นเวียดนามอย่างกองทุน K-VIETNAM ณ 1 ก.พ. 66 ราคาปรับตัวลดลง -3.09% เทียบกับวันก่อนหน้า    


ทำไมหุ้นเวียดนามถึงปรับตัวลดลง


1 ก.พ. 66 ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาฯ หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2565 ของหลายบริษัทนำโดยหุ้นกลุ่มการเงินออกมาลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากความผันผวนของตลาดหุ้นเวียดนามในปีที่ผ่านมา และปัญหาสภาพคล่องของระบบการเงินในเวียดนาม ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่อย่าง Hoa Phat, Hoa Sen Group, Nam Kim Group และ VNSteel รายงานผลขาดทุนในไตรมาส 4 ปี 2565 ซึ่งขาดทุนติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง เนื่องจากอุปสงค์เหล็กและราคาเหล็กในเวียดนามลดลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามยังได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นเพื่อปิดความเสี่ยงของนักลงทุนก่อนที่จะทราบผลการประชุม FED ในคืนวันที่ 1 ก.พ. 66 


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, K-US500X แนะนำให้หาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน

• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม เช่น K-VIETNAM สามารถถือลงทุนต่อได้เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ควรควบคุมสัดส่วนการลงทุนไว้ไม่เกิน 5%-10% ของเงินลงทุนในหุ้นเนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามเป็น frontier market ที่มีความผันผวนสูง

• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจปี 2566 ที่อาจชะลอตัว แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน Healthcare ผ่านกองทุน K-GHEALTH ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้และกำไรสม่ำเสมอ ทนทานต่อสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว

• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุนหุ้นไทย เช่น K-STAR และกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHX เพื่อรับอานิสงส์จากการลดมาตรการควบคุม COVID-19 ของประเทศจีน ที่หนุนการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในทั้งประเทศจีนและไทย

• สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงปานกลางถึงสูง แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุนรวมผสมทั่วโลกผ่านกองทุน K-GINCOME-A(A) เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวม 

• ผู้ถือกองทุนตราสารหนี้ แนะนำถือลงทุนตามระยะเวลาที่แนะนำเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนและลดความเสี่ยงที่จะขาดทุน เช่น กองทุน K-CBOND-A แนะนำถือลงทุน 1 ปีขึ้นไป กองทุน K-FIXED-A แนะนำถือลงทุน 1.5 ปีขึ้นไป

• สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
​ FOMC, CNBC, Bloomberg, Finnomena

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



บทความโดย K WEALTH TRAINER วีรพล บางแวก

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!