Display mode (Doesn't show in master page preview)
Turn on more accessible mode
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Turn off Animations

แก่นของสงครามการค้า ความเสี่ยงและโอกาสลงทุนหุ้นจีน

แก่นของสงครามการค้า ความเสี่ยงและโอกาสลงทุนหุ้นจีน



วันนี้สงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นจุดสนใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ จากความหวังว่าจีนและสหรัฐฯ จะตกลงกันได้ในไตรมาสแรกถูกทำลายด้วยการส่งข้อความของ ปธน.ทรัมป์ ว่าจะขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ในส่วนของ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ได้มีการผ่อนปรนไปก่อนหน้า และตามมาด้วยการประกาศห้ามบริษัทสหรัฐฯ ซื้อสินค้า Huawei ยิ่งสร้างความกังวล และความผันผวนกับตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นไปอีก 


ความขัดแย้งของจีนและสหรัฐฯ คราวนี้อาจยืดเยื้อกว่าที่หลายคนคาด ดูเผินๆ คงเรียกได้ว่านี่เป็นสงครามการค้าที่มีทั้งเศรษฐกิจ หน้าตาของนักการเมือง และความเป็นชาตินิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ลึกไปกว่านั้นมันคือสงครามเพื่อชิงความเป็นเจ้าของเทคโนโลยี และแก่นแท้ของความขัดแย้งคือความแตกต่างของความคิดหรือคตินิยม (Ideology) ที่ด้านหนึ่ง มีรัฐฯ คอยช่วยเหลือบริษัทเอกชน (state-backed capitalist) อีกด้านคือการที่บริษัทเอกชนแข่งขันอย่างเสรี (Capitalist) ซึ่งผมว่าแก่นนี้คงไม่สามารถประนีประนอมง่ายๆ ดังนั้นความขัดแย้งนี้น่าจะกินเวลายาวกว่า 5 ปี คืออย่างน้อยผมคิดว่าคงพอๆ กับ เวลาที่ ปธน. ทรัมป์จะอยู่ในตำแหน่งถ้าได้รับเลือกต่ออีกหนึ่งครั้ง 

การที่ความขัดแย้งยืดเยื้อ สิ่งที่จะตามมาในช่วงต้นคือความตกใจของตลาดทุนและความผันผวนที่สูงขึ้น แต่หากยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆความขัดแย้งจะถูกรวมไปเป็นต้นทุนของการทำธุรกิจในที่สุด เช่นเดียวกับตลาดเกาหลีซึ่งมักจะมี P/E ต่ำกว่าที่อื่น เนื่องจากความเสี่ยงทางด้านทหารในคาบสมุทรเกาหลียังมีอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี 

ท่ามกลางความผันผวนย่อมมีโอกาสสำหรับนักลงทุนเสมอ เพราะตลาดหุ้นมักจะเทขายหุ้นที่ดีและไม่ดีออกมาพร้อมๆ กันเพราะความกลัว มองไปอีก 10 ปีข้างหน้า แรงซื้อจากผู้บริโภคจีนจะเป็นคนกำหนด การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก การที่ตลาดทุนผันผวนจากความขัดแย้งนี้ คงจะสามารถเปลี่ยน Mega Theme นี้ได้ ในระยะสั้นทางการจีนคงจะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความขัดแย้งในแต่ละครั้ง ดังนั้นโอกาสความขัดแย้งที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มส่งออก และการเทขายหุ้นทั้งกระดาน จะทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคในจีน 

KBank Private Banking ได้เล็งเห็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดจีนท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้น และทาง บลจ. กสิกรไทยได้มีกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวอีกทั้งมีกลไกบริหารจัดการความเสี่ยงคือ K-CCTV ที่เน้นคัดสรรลงทุนในหุ้นเป็นรายตัว (Stocks selection) พร้อมทั้งมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตามสถานการณ์ โดยใช้ความผันผวนจากตลาดเป็นตัวชี้วัด ช่วยลดความเสี่ยงของกองทุนในช่วงตลาดขาลงได้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะทยอยเข้าไปลงทุนอย่างช้าๆ เมื่อตลาดมีการปรับตัวลงจากข่าวต่าง ๆ ที่มากระทบตลาด แต่ไม่ได้กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มธุรกิจที่อิงกับปัจจัยภายในประเทศ


ประจำวันที่ 24 พฤษภาคม 2562


กลับ
PRIVATE BANKING