สงครามที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งนอกจากส่งผลกระทบถึงชีวิต สุขภาพ และทรัพยากรทางการแพทย์แล้ว มาตรการสำคัญอย่างการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้ฉุดให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย มีหลายธุรกิจที่กำลังเดือดร้อนจากการสูญเสียรายได้ ผลจากสงครามในครั้งนี้ จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างธุรกิจที่จะอยู่รอดและธุรกิจที่จะต้องล้มหายกันไป เช่นเดียวกับการลงทุน ที่ได้เวลาจะต้องพิจารณากันแล้วว่าจะวางพอร์ตลงทุนอย่างไรให้รอดและฟื้นตัวเมื่อวิกฤต COVID-19 จบลง ซึ่งทางรอดก็คือการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีซึ่งได้สรุปไว้สามแนวทางในบทความของสัปดาห์ที่แล้ว ครั้งนี้จะมาพูดถึงกลยุทธ์การเลือกลงทุนในกลุ่มของผู้ที่อยู่รอดและยังสามารถกลับมาเติบโตได้ดีขึ้นด้วย
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญสำหรับการลงทุนในช่วงนี้ คือลงทุนในกองทุนรวมที่กระจายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพสูงและมีศักยภาพที่จะมีอายุยืนยาว โดยบริษัทที่มีคุณภาพสูงหมายถึงเป็นผู้ผลิตหรือบริการในสิ่งที่คนต้องการ ยังมีสัดส่วนการตลาดน้อยอยู่คู่แข่งตามได้ยาก จึงเป็น Disruptor และผลที่ตามมาคือเจริญเติบโตได้ดีแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ส่วนบริษัทที่มีศักยภาพที่จะมีอายุยืนยาว คือมีความสามารถในการปรับและเปลี่ยนตัวเองให้เป็นไปตามสถานการณ์ เข้าใจว่าการพัฒนาสินค้าหรือการบริการนั้นไม่มีวันสิ้นสุด รวมถึงความสามารถในการ Disrupt ตัวเอง เพื่อก้าวเข้าสู่ S-CURVE ใหม่ หรือการดำเนินการแบบใหม่ และการมีอายุยืนยาวไม่ได้หมายถึงบริษัทที่อยู่มานานเสมอไป แต่หมายถึงวัฒนธรรมของบริษัทที่สามารถทำให้บริษัทยั่งยืน การลงทุนแบบนี้ต้องอาศัยผู้จัดการกองทุนที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจสินค้าหรือการบริการ ผู้บริหาร วัฒนธรรมองค์กรอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญคือบริษัทเหล่านี้จะยังคงเติบโตได้ แม้ว่าจะมี วิกฤต COVID-19 ก็ตาม
ทั้งกองทุน K-CHANGE และ ONE-UGG-RA เป็นสองกองทุนนี้ลงทุนในบริษัทที่กระจายอยู่ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจใหม่ๆ และพร้อมจะพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วเสมอ อาทิ กลุ่มเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ อย่าง Moderna ที่เป็นบริษัทผลิตยาและวัคซีนโดยใช้เทคโนโลยีทางด้าน DNA โดยได้วัคซีนต้นแบบ COVID-19 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาและเริ่มมีการทดลองในคนแล้ว กลุ่มเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก อย่าง Delivery Hero ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งอาหารในยุโรป Netflix ที่ได้รับประโยชน์และได้ลูกค้าใหม่ๆ ที่เข้ามาทดลองใช้ในช่วงนี้ กลุ่มค้าปลีกออนไลน์ เช่น Amazon และ Alibaba กลุ่มเทคโนโลยีที่สนับสนุนการใช้ดาต้า อย่าง Nvidia ที่ผลิต Video Card ซึ่งทำให้การประมวลผลการวิเคราหะข้อมูลในโลกที่มีปริมาณมากขึ้นทุกวันเป็นไปได้โดยง่าย
ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส เช่นเดียวกับ กองทุน K-CHANGE และ ONE-UGG-RA น่าจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่รอดจากสงครามในครั้งนี้ และยังมีบริษัทที่ยังได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ทำให้มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยทั้งสองกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ KBank Private Banking แนะนำให้ลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average) ถือระยะยาวมากกว่า 5 ปีขึ้นไป เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนเน้นการมองระยะยาวเป็นหลักและถือหุ้นในพอร์ตจำนวนไม่มาก ซึ่งอาจเกิดความผันผวนสูงในระยะสั้นได้ แต่การถือครองหุ้นล้วนเป็นบริษัทที่มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้นโลก MSCI World ปรับตัวลงไปแล้วถึง 17.52% กองทุน K-CHANGE และ ONE-UGG-RA มีผลการดำเนินดีกว่าตลาดโดยรวมที่ 0.32% และ 2.35% ตามลำดับ
ประจำวันที่ 13 เมษายน 2563