Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

จัดการความเสี่ยงเมื่อลงทุนในหุ้นจีน

จัดการความเสี่ยงเมื่อลงทุนในหุ้นจีน

​​



หากพูดถึงการลงทุนหุ้นจีน เชื่อว่านักลงทุนหลายคนก็อยากได้ผลตอบแทนที่ดี เติบโตเร็ว เพราะส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตได้อีกมาก และด้วยอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่เร็วกว่าสหรัฐฯ มาก จีนจะใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกในไม่ช้า แต่ที่ผ่านมาการลงทุนในหุ้นจีนก็มีความเสี่ยงมาก และหากลงทุนผิดจังหวะก็จะได้รับผลลบอย่างรุนแรง


นอกจากผลตอบแทนระยะยาวจากการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนแล้ว ช่วงนี้ประเด็นที่จะเป็นตัวหนุนให้ตลาดจีนในระยะสั้นมีอยู่ 2 ประเด็น คือ 1. การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่น่าจะมีข้อตกลงบางส่วนเกิดขึ้น โดยในกรณีนี้จะส่งผลบวกมากที่สุด 2. การเพิ่มน้ำหนักสัดส่วนตลาดหุ้นจีน A-share ในดัชนี MSCI ซึ่งจะมีการเพิ่มหุ้นจีนขนาดกลางและเล็กเข้าไปด้วย ท้ายที่สุดจะทำให้ ณ สิ้นปี 2019 หุ้นจีน A-shares จะมีน้ำหนักจาก 0.72% เป็น 3.33% ของดัชนีตลาดเกิดใหม่ MSCI Emerging Markets และจาก 0.09% เป็น 0.42% ของดัชนีหุ้นทั่วโลก MSCI ACWI ซึ่งทั้งสองดัชนีมีนักลงทุนทั่วโลกโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ และยุโรป ใช้เป็นตัวเทียบวัด ดังนั้นการปรับน้ำหนักเช่นนี้ จะทำให้มีเงินไหลไปยังหุ้น A-share ของจีนมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยหนุนตลาดจีนในปีนี้


ความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นจีนก็มีสูงเช่นกัน หลายครั้งที่หุ้นจีนขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว จะเห็นนักลงทุนที่ไม่สามารถปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงได้ ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว KBank Private Banking ร่วมกับทาง บลจ.กสิกรไทย ได้มีการออกกองทุน K-CCTV ที่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอีกชั้น ลงทุนในหุ้นจีน A-Share ที่มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่สามารถลงทุนในหุ้นได้ 0-100% โดยใช้กรอบความผันผวนภายไต้กรอบ 20% เป็นตัวกำหนด การบริหารจัดการน้ำหนักการลงทุน โดยจะมีการลงทุนเต็มเมื่อความเสี่ยงต่ำกว่ากรอบและปรับลดลงเมื่อความเสี่ยงสูงกว่ากำหนด เมื่อตลาดปรับตัวลงแรงซึ่งจะมีความผันผวนสูง และเกือบทุกครั้งตลาดมักจะส่งสัญญาณก่อนที่จะมีเหตุการณ์ทางด้านเศรษฐกิจเสมอ ก็จะปรับน้ำหนักลงทุนในหุ้นลงเช่นเดียวกัน ข้อดีของการบริหารจัดการในรูปแบบดังกล่าวคือมีการทยอยทำกำไรในช่วงตลาดขาขึ้น หรือเริ่มปรับตัวลง


กองทุน K-CCTV นักลงทุนสามารถที่จะเข้าไปลงทุนระยะยาวได้ โดยไม่ต้องจับจังหวะการเข้าลงทุนหรือขายทำกำไรและเสียค่าแรกเข้าของกองทุนบ่อยๆ และถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่กล้าๆ กลัวๆ หรือไม่กล้าลงทุนในหุ้นจีนจากความผันผวนที่สูง อย่างไรก็ตาม ผมว่าการลงทุนในหุ้นจีนจำเป็นต้องใช้เทคนิค Dollar cost average โดยแบ่งการลงทุนเป็นช่วงเวลาเท่าๆ กันสม่ำเสมอ เช่นไตรมาสละครั้ง เพราะการคาดเดาทิศทางตลาดระยะสั้นยากมาก การแบ่งการเข้าลงทุนเป็นช่วงๆจะช่วยให้การกระจายตัวของราคา และลดความเสี่ยงในการแกว่งของราคารายวันอีกด้วย



ประจำวันที่ 11 มีนาคม 2562


กลับ
PRIVATE BANKING