14 พฤศจิกายน 2565
2 นาที
ประเด็นร้อน : กลุ่มอสังหาฯ กดดันหุ้นเวียดนามผันผวนระยะสั้น
“
● 10 พ.ย. ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงสวนทางกับตลาดหุ้นโลกจากความกังวลปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหุ้นกู้ครบกำหนดการชำระคืน
● ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม ยังคงแนะนำถือลงทุนระยะยาว และติดตามสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ การเคลื่อนไหวของค่าเงินด่อง และตัวเลขเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
● น้ำมันดิบผันผวน จากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการส่งสัญญาณเปิดประเทศของจีน
“
10 พ.ย. ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลง โดยดัชนี VNI -3.89% ส่วนดัชนี VN30 -4.38% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ ณ 10 พ.ย. กองทุน K-VIETNAM K-VIETNAM-SSF และ KVIETNAMRMF ปรับตัวลง -3.15% -2.56 และ -3.02 เทียบกับวันก่อนหน้า ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา ณ 11 พ.ย. ตลาดหุ้นเวียดนามมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี VNI +0.77% ส่วนดัชนี VN30 +1.29% เทียบกับวันก่อนหน้า
ทำไมหุ้นเวียดนามถึงปรับตัวลง
สาเหตุที่หุ้นเวียดนามปรับตัวลงเกิดจากความกังวลเรื่องปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหุ้นกู้ครบกำหนดการชำระคืน ทำให้มีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกมา และยังส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นในกลุ่มอื่นๆ ตามมาอีกด้วย อย่างเช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลต่อ
● กระแสข่าวตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ถูกถอดออกจากการเป็นสมาชิกสหพันธ์ตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (WFE) อย่างไรก็ตาม จากการชี้แจงของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินนั้น เวียดนามอยู่ระหว่างมีการปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ โดยจะรวมตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และฮานอยเข้าด้วยกันเป็น Vietnam Stock Exchange (VNX) จึงทำให้เกิดกระแสข่าวดังกล่าว
● การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางเวียดนาม เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินด่องและรับมือกับตัวเลขเงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้สภาพคล่องในระบบการเงินลดลงและเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเวียดนาม
มุมมองการลงทุนหุ้นเวียดนาม
● ระยะกลางถึงยาว (1 ปี ขึ้นไป) บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นเวียดนาม โดยปัจจัยภายในประเทศมีความน่าสนใจทั้งในแง่เศรษฐกิจที่ GDP ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการส่งออก อีกทั้งกำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในระดับสูง โดยคาดการณ์ปีหน้าไว้ที่ 18.7%
● เวียดนามยังมีปัจจัยสนับสนุนในการลงทุนระยะยาวจากจำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก ตลอดจนสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน ทำให้ภูมิภาคอาเซียนที่ค่อนข้างเป็นกลางทางภูมิรัฐศาสตร์ น่าจะได้รับประโยชน์ในระยะยาว
● อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็น frontier market ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย ตลาดจึงมีความผันผวนสูง และอาจมีการเคลื่อนไหวที่สวนทางกับหุ้นโลก หรือตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกันได้
น้ำมันดิบโลก กับราคาที่ผันผวน
อีกสินทรัพย์ที่มีความผันผวน คือ น้ำมันดิบโลก โดย 9 พ.ย. กองทุน Invesco DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-OIL ปรับตัวลดลง -3.89% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้กองทุน K-OIL ปรับตัวลดลง -4.03% เทียบกับวันก่อนหน้า หลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในจีน หลังพบการแพร่ระบาดในหลายเมืองสำคัญ รวมถึงที่กรุงปักกิ่ง
อย่างไรก็ตาม ณ 11 พ.ย. กองทุน Invesco DB Oil Fund กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.11% เทียบกับวันก่อนหน้า
หลังจากที่จีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ โดยประกาศที่จะผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ รวมทั้งยกเลิกระบบการลงโทษสายการบินในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อ COVID-19 ด้วย อีกทั้งยังเกิดจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ที่คาดการณ์ว่า FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ เดือนต.ค. ที่ 7.7% เทียบกับปีก่อนหน้า ออกมาต่ำกว่าที่คาด
จากเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด ยังส่งผลให้สินทรัพย์อื่นๆ ณ 11 พ.ย. มีการปรับตัวขึ้น ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย เห็นได้จากการปรับตัวขึ้นของราคากองทุนหลัก ของกองทุน K-USA K-EUROPE K-EUSMALL K-CHANGE-A(A) K-CLIMATE K-ASIAX K-ASIACV K-CHINA K-CCTV K-CHX เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากการที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 โดยลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ และยกเลิกระบบการลงโทษสายการบินในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อ COVID-19 อีกด้วย
คำแนะนำการลงทุน
● ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นเวียดนาม เช่น K-VIETNAM K-VIETNAM-SSF และ KVIETNAMRMF อยู่ แนะนำถือลงทุนต่อ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มและรับความเสี่ยงได้สูง สามารถทยอยลงทุนเพิ่มได้ แต่ควรเป็นเงินที่สามารถลงทุนระยะยาวได้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือตามเงื่อนไขของกองทุน SSF/RMF และควรมีสัดส่วนเงินลงทุนไม่เกิน 5%-10% ของเงินลงทุนในส่วนของหุ้น
● ผู้ที่ถือกองทุน K-OIL อยู่ ให้พิจารณาขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน
● สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF ซึ่งเหมาะกับการพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, Ryt9, Finnomena
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
บทความโดย K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®