K WEALTH / บทความ / Wealth Management / Plant-Based เทรนด์ใหม่การกิน ที่น่าลงทุน
04 พฤศจิกายน 2564
3 นาที

Plant-Based เทรนด์ใหม่การกิน ที่น่าลงทุน


​​

​​​​​​​​​​​​​​

​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​“ 

• นวัตกรรมอาหารแบบ Plant-Based กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก รับกับกระแสการดูแลสุขภาพ ทำให้มีหลายบริษัทหันมาจับธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น 


• กระแสความนิยมสะท้อนผ่านราคาหุ้น บริษัท Beyond Meat ผู้นำ Plant-Based ฝั่งอเมริกา ที่เพิ่งจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น NASDAQ โดยราคาซื้อขายวันแรก เปิดตัวพุ่งไปถึง 163% 


• Plant-Based จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพ แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ สำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ ทั้งในไทย และต่างประเทศ ​

​“


ทำไม Plant-Based​​ ถึงน่าสนใ​​​จ​​​​​​​​

กระแสการกินเนื้อสัตว์ทดแทนจากพืช (Plant-Based) กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ทั่วโลก เป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพและใส่ใจในอาหารการกินไปด้วย จากที่บริโภคเนื้อสัตว์ก็เริ่มมองหา​สิ่งอื่นมาท​ดแทนแต่ได้คุณประโยชน์ เช่น เนื้อบด สเต็ก หรือไส้กรอก ซึ่งเหล่านี้ทำมาจากพืชแต่รูปร่างหน้าตาสีสันค่อนข้างคล้ายคลึงกับเนื้อสัตว์ดั้งเดิมนั่นเอง 

ยกตัวอย่าง Beyond Meat บริษัทจากสหรัฐอเมริกาถือเป็นเจ้าแรกๆ ของโลกที่หันมาบุกตลาด Plant-Based อย่างจริงจัง จากการเปิดตัวเนื้อวัวที่ทำจากพืชที่มีรสชาติ สีสัน และเนื้อสัมผัสเหมือนกับเนื้อวัวมาก ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดสหรัฐฯ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรือธงคือ Beyond Burger นั่นเอง ​

ทำไมต้อง Beyond Meat ​​​​​​​

Beyond Meat ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอาหารจากพืชอยู่ที่ 10% (รองจาก Morningstar Farms และ Conagra’s) และมีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ USD 6,682.2 Million อ้างอิงข้อมูลในเดือน ตุลาคม 2021 และเริ่มเข้า IPO ในตลาดหุ้น NASDAQ ชื่อย่อว่า BYND เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2019 ด้วยราคา USD 25 (ประมาณ 800 บาท)ต่อหุ้น ราคาก็พุ่งไปถึง 163% ในวันซื้อขายวันแรก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการ IPO หุ้นทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา จนปัจจุบันราคาอยู่ที่ USD 98.98 (ประมาณ 3,300 บาท)ต่อหุ้น (ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2021) ที่ราคาปรับขึ้นเกือบ 400% เพราะ Beyond Meat ขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและเอเชีย ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และวางขายสินค้าตามร้านสะดวกซื้อทั่วสหรัฐฯ รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดยในปี 2020 มีรายได้อยู่ที่ USD 406.8 Million และมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ USD-0.60 โดย Bloomberg คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีรายได้ในปี 2021-2022 อยู่ที่ USD 540.9 Million และ USD 828.6 Million ตามลำดับ และคาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้นในปี 2021-2022 อยู่ที่ USD -1.21 และ USD -0.39 ตามลำดับ ​ ​

กระแส Plant-based ในไทย ​​​​​​​

ปัจจุบันคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นโดยการออกกำลังกายและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ จนเกิดเทรนด์อาหารทางเลือกใหม่ ที่ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้ชีวิตของคนในยุคนี้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทดแทนจากพืช (Plant-Based) ที่ทำมาจาก พืช ผัก ผลไม้ เห็ด เมล็ดพืช ธัญพืช และอาหารตระกูลถั่ว ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านอาหารที่เข้ามาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทดแทนจากพืชนี้ ยังเหมาะกับคนที่ทานเจ ทานมังสวิรัต ไม่ทานหรือแพ้เนื้อสัตว์ คนที่กำลังลดน้ำหนัก เป็นต้น จากกระแสทำให้ตอนนี้ในประเทศไทยของเราได้เห็นเมนู Plant-based กันบ้างแล้วตามร้านอาหารชื่อดัง เช่น Sizzler กับเมนูบียอนด์เบอร์เกอร์ซอสบาร์บีคิว และ Starbucks กับเมนูบียอนด์มีทแซนด์วิช อีกทั้งแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบในไทยไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบสำหรับการทำอาหาร หรือ อาหารสำเร็จรูปก็หันมาบุกตลาดทำการตลาด Plant-Based และจัดจำหน่ายหลากหลายช่องทางมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Foodland Makro Top Supermarket และ Villa Market เป็นต้น 

สำหรับในประเทศไทยคาดว่ามูลค่าตลาด Plant-Based อาจแตะระดับ 4.5 หมื่นล้านบาทในปี 2024 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%* โดยประเมินจากผู้ผลิตอาหารที่มีศักยภาพในการต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอาหาร เช่น ธุรกิจแปรรูปเนื้อสัตว์ หรือ ธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูปแบบพร้อมปรุงและพร้อมทาน และสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ตลาด Plant-Based ในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์เรื่องรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่น ใกล้เคียงกับอาหารเดิมมากที่สุดโดยยังทรงคุณค่าทางโภชนาการไว้ ​

เราจะทำเงินจากกระแส Plant-Based ยังไงได้บ้าง ​​​​​​​

จากกระแสเทรนด์ทางเลือกในการกินอาหารจากพืชทดแทนเนื้อสัตว์ที่กำลังมาแรงในบ้านเรานี้ เรายังสามารถสร้างโอกาสในการทำเงินได้อีกด้วย เช่น 

          • หากเราเป็นคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ควรจับตามองกระแส Plant-Based เป็นพิเศษเพื่อโอกาสทางการขายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า หรือ การต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้ดียิ่งขึ้น 
          • หากเราเป็นกลุ่มคนทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพและชอบทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่แล้ว อาจหันมาลงทุนในหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตอบรับกับกระแส Plant-Based 
          • หากเราสนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารหรือ Plant-Based ก็สามารถลงทุนได้เช่นเดียวกัน เบื้องต้นแนะนำเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางหลักทรัพย์กสิกรไทย

          ในทางกลับกันหากเราไม่ได้อินเทรนด์จากกระแสดูแลสุขภาพเพื่อลดโรคภัย และอยากเตรียมพร้อมค่ารักษาพยาบาลไว้เนิ่นๆ แนะนำให้ทำประกันสุขภาพไว้ หรือเตรียมเงินสำรองจะได้อุ่นใจเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

หมายเหตุ (*) ข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก : KSecurities, Finnomena, The Standard 
เรียบเรียงโดย : K-Wealth Guru ​
บทความโดย K WEALTH GURU พธพร รัตนสิโรจน์กุล
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

ลงทุนหุ้นทั่วโลก ด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่า​​

ดูเพิ่มเติม