“
• 5 กองทุน IPO จาก 5 บลจ. ล้วนมีความน่าสนใจในการลงทุน จากแต่ละสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโต หรือรูปแบบการลงทุนที่หลากหลายช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนตลาดที่ยากจะคาดเดา
• ช่องทางการลงทุนที่ครอบคลุมหลาย บลจ. สมัครง่าย ครบจบในแอป FinVest ช่วยให้ไม่พลาดทั้งกองทุน IPO และกองทุนเด่นน่าลงทุนจากหลาก บลจ.
• อย่าลืม! แบ่งสัดส่วนเงินลงทุนให้เหมาะสม โดยเฉพาะเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง ที่ควรกระจายในกองทุนหุ้นที่หลากหลาย ไม่ควรกระจุกเพียงกองทุนเดียว
“
นักลงทุนหลายคนนิยมจองซื้อกองทุนเปิดใหม่หรือกองทุน IPO (Initial Public Offering) ซึ่งจากข้อมูล ก.ล.ต. เมื่อ 13 ม.ค. 65 พบว่ามีกองทุนเปิดทั่วไป ที่เปิดจอง IPO ช่วง ม.ค. 65 อยู่ทั้งหมด 5 กองทุน จาก 5 บลจ. ได้แก่
ชื่อกองทุน
| ความเสี่ยงกองทุน | ประเภทกองทุน | รูปแบบการลงทุน
| วัน IPO
|
KKP INCOME-H FUND (กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล มัลติ แอสเซ็ท อินคัม เฮดจ์ ชนิดทั่วไป)
| 5
| กองทุนรวมผสม
| Feeder Fund ที่กระจายการลงทุนทั่วโลกทั้งหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อสร้างรายได้และโอกาสเติบโตระยะยาว
| 10-17 ม.ค. 65
|
TMB-ES-VIETNAM (กองทุนเปิด ทีเอ็มบี อีสท์สปริง Vietnam Active Equity)
| 6
| กองทุนรวมตราสารทุน
| Fund of Funds ที่เน้นลงทุนหุ้นเวียดนาม
| 12-18 ม.ค. 65
|
SCBMEGA (กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Megatrends)
| 6
| กองทุนรวมตราสารทุน
| Fund of Funds ที่เน้นลงทุนหุ้น Megatrends
| 4-14 ม.ค. 65
|
MCONT (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล คอนซูเมอร์ เทรนด์)
| 6
| กองทุนรวมตราสารทุน
| Feeder Fund ที่เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
| 12-24 ม.ค. 65
|
ทำไม? ถึงน่าสนใจ
ความน่าสนใจของกองทุน IPO ดูได้จากนโยบายการลงทุน ว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นมีความน่าสนใจหรือแนวโน้มที่ดีเพียงใด เช่น
- “กระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์” จะช่วยให้การเติบโตของเงินลงทุนมีความสม่ำเสมอ ไม่พลาดโอกาสรับผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่เป็นขาขึ้น และลดผลกระทบจากสินทรัพย์ที่เป็นขาลง
- “หุ้นเวียดนาม” ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพจากโครงสร้างแรงงานที่อายุน้อย ทักษะสูง ค่าแรงงานต่ำ และมีอัตราการเข้าสู่สังคมเมืองที่ต่ำ เป็นเป้าหมายของต่างชาติเพื่อเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ โดยเฉพาะบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ประกอบกับรัฐบาลมีแผนลงทุนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานจนถึงปี 2025 ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธนาคารที่เป็นสัดส่วนหลักได้รับผลประโยชน์โดยตรง อีกทั้งอัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนก็อยู่ในระดับสูง
- “หุ้น Megatrends” ที่สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะยังคงอยู่กับเราไปอีกหลายสิบปี เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตทรัพยากรที่รองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกในอนาคต ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างอายุประชากรที่เปลี่ยนไป ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพและนวัตกรรมที่เพิ่มคุณภาพชีวิต รวมถึงธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตจากเทคโนโลยีภายหลังการระบาด COVID-19
- “หุ้นเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค” ที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของคนที่จะกลับมาสู่ภาวะปกติหลัง COVID-19 รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังโรคระบาด มีการพึ่งพา Digital มากขึ้น ตัวอย่างเช่น Online Shopping หรือการจ่ายเงินด้วยระบบ Digital payments
- “หุ้นเกี่ยวกับเครื่องมือการแพทย์” ที่ได้รับประโยชน์จากรูปแบบการทำงานที่บ้าน (WFH) พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความต้องการอุปกรณ์การแพทย์ในทุกสถานที่ไม่ใช่เพียงสถานพยาบาล ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจกลุ่มนี้ และเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์การแพทย์กับแพลตฟอร์มบนอินเตอร์เน็ตที่ทันสมัย
ขอบคุณ เหตุผลดีๆ ที่น่าลงทุนจาก FinVest
ลงทุนด้วยเงิน เท่าไรดี?
ทุกกองทุน ทุกสินทรัพย์ ล้วนมีความน่าลงทุนแต่อาจต่างกันที่จังหวะเวลา การแบ่งเงินลงทุนเป็นสัดเป็นส่วนในกองทุนเสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลงทุน โดยอาจเน้นกองทุนที่แตกต่างกันได้ภายใต้สัดส่วนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น นาย A นาย B และนาย C ต่างรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ควรแบ่งเงินลงทุนในกองทุนเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนตราสารหนี้สัก 60%ของเงินลงทุนที่มี ส่วนเงินลงทุนอีก 40% ที่เน้นลงทุนกองทุนเสี่ยงสูง ควรลงทุนให้มีความหลากหลายในกองทุนที่แต่ละคนชื่นชอบตามสไตล์ของตนเอง เช่น
- นาย A ชอบลงทุนหลายๆ กองทุน อาจกระจายลงทุนกองทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงระดับ 6 ในจำนวนที่เท่าๆ กัน เช่น TMB-ES-VIETNAM ที่เป็นกองทุนหุ้นเวียดนาม 20%ของเงินลงทุน และที่เหลืออีก 20% ลงทุนใน SCBMEGA ที่เป็นกองทุนหุ้น Megatrends เป็นต้น
- นาย B ชื่นชอบหมวดอุตสาหกรรมเครื่องมือการแพทย์ อาจลงทุนกองทุนหมวดอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงระดับ 7 ในสัดส่วนที่เหมาะสมและมีการกระจายไปกองทุนหุ้นอื่นๆ ด้วย เช่น ลงทุน ONE-MEDTECH ที่เป็นกองทุนหมวดอุตสาหกรรมไม่เกิน 20%ของเงินลงทุน ส่วนที่เหลือแบ่งลงทุนกองทุนหุ้น ความเสี่ยงระดับ 6 เช่น SCBMEGA และ MCONT กองทุนละ 10%ของเงินลงทุน เป็นต้น
- นาย C ทำงานอิสระไม่มีเวลาติดตาม ไม่ได้ชื่นชอบหุ้นกลุ่มไหนเป็นพิเศษ ควรเน้นลงทุนกองทุนผสม ที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย มีความเสี่ยงระดับ 5 เป็นหลัก เช่น KKP INCOME-H FUND เป็นต้น
กอง IPO ซื้อได้ ที่ไหน?
ในอดีตกองทุน IPO มักต้องจองซื้อกับธนาคารหรือ บลจ. ที่ออกกองทุนนั้น แต่ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การลงทุนหรือจองกองทุน IPO เป็นเรื่องง่าย และลงทุนได้หลาย บลจ. ในแอปเดียว เช่น แอปพลิเคชัน FinVest ที่ลงทุนได้มากถึง 36 บลจ. ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึง 5 กองทุนที่เปิดจอง IPO ข้างต้นด้วยสำหรับใครที่ยังไม่มีแอป FinVest สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอน (1) ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest (2) กรอกข้อมูลสำหรับเปิดบัญชี (3) ทำแบบประเมินความเสี่ยงการลงทุน และ (4) เลือกลงทุนกองทุนที่ใช่ในแบบของคุณ หรือดูรายละเอียดการสมัครเพิ่มเติมได้ที่ www.finvest.co.th
สำหรับ บลจ.กสิกรไทย เองก็มีกองทุนที่มีนโยบายหรือสินทรัพย์การลงทุนใกล้เคียงกับที่เล่ามา ซึ่งแม้ไม่ใช่กองทุน IPO เปิดใหม่ แต่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ เช่น
- K-GINCOME (กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม) มีความเสี่ยงระดับ 5 ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่กระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก
- K-VIETNAM (กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน) มีความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น ที่เน้นลงทุนหุ้นเวียดนาม
- K-CHANGE (กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน) มีความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น ที่เน้นลงทุนหุ้นที่ทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงบวก (Positive Impact) ต่อสังคมโดยรวม
- K-GHEALTH (กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน) มีความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น ที่เน้นลงทุนหุ้นที่ทำธุรกิจดูแลสุขภาพทั่วโลก เช่น บริษัทยา โรงพยาบาล ฯลฯ
โดยสามารถลงทุนได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันเช่นเดียวกัน ด้วยแอป K PLUS และ K-My Funds ที่แม้ไม่เคยมีกองทุนมาก่อน ก็สามารถเปิดบัญชีและลงทุนได้บนมือถือเพียงเครื่องเดียว
การลงทุนที่ดี ควรเข้าใจในสิ่งที่ลงทุนว่ามีความเสี่ยงและโอกาสเติบโตเพียงใด เข้าใจในตนเองว่าพร้อมแบ่งเงินไปลงทุนมากน้อยเท่าไร ระยะเวลาการลงทุนเหมาะสมกับกองทุนที่เลือกหรือไม่ และมีการเลือกใช้เครื่องมือและตัวช่วยการลงทุนที่เหมาะสมหรือยัง สำหรับใครที่อยากศึกษาความรู้ดีๆ เพิ่มเติม แนะนำติดตามความรู้ดีๆ ด้วยทีมงานคุณภาพจาก K Wealth
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”