K WEALTH / บทความ / Market Update / ทำไมลงทุน ใน Emerging Market ถึงน่าสนใจ
17 กุมภาพันธ์ 2565
4 นาที

ทำไมลงทุน ใน Emerging Market ถึงน่าสนใจ


          

​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​“ ​

• ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ส่งสัญญาณกลับตัวทำผลงานได้ดีกว่าประเทศกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว นักวิเคราะห์มองว่าเป็นปีของการลงทุนธีม Value Stock และประเทศไทยจะได้รับประโยชน์เพราะส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหุ้น Value จำนวนมาก 

• ปัจจัยที่สนับสนุนธีม Value Stock เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผลสำรวจจาก Bloomberg ที่บอกว่านักวิเคราะห์ให้ความสนใจในหุ้นกลุ่ม Value การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ ทิศทาง Bond Yield 

• แนะนำลงทุนในตลาดเกิดใหม่ 2 ทางเลือก คือลงทุนตรงผ่านตลาดหุ้นไทย และ ลงทุนในตลาด Emerging Market ผ่านกองทุนรวม

​​“


          ต้นปี 2565 นี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายชวนให้นักลงทุนติดตาม หนึ่งในนั้นคือ Emerging Market (EM) หรือ ระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ หรือตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ มีปริมาณเงินหมุนเวียนเยอะ ฯลฯ จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุน ตัวอย่างประเทศในกลุ่มนี้ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย ไต้หวัน ไทย เป็นต้น ซึ่งประเทศจีนเองก็เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง ของโลก ณ ปัจจุบัน ส่วนประเทศอื่นๆในกลุ่มนี้ ก็มีแนวโน้มและมีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกได้ในอนาคตเช่นกัน

การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ​​​​​

          จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะหุ้น Value ที่เป็นหุ้นพื้นฐานดี ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างสม่ำเสมอ มีปันผล ราคายังไม่แพงหรือ หุ้น Growth ที่เป็นหุ้นที่มีการเติบโตโดดเด่น รวดเร็ว เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และมักมีราคาสูง อีกความน่าสนใจของตลาดเกิดใหม่นี้คือ จากรายชื่อหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของโลก มีหุ้นที่มาจากตลาดเกิดใหม่ถึง 4 บริษัท ได้แก่ TSMC ผู้ผลิต Semiconductor Tencent บริษัท Holding ที่เป็นเจ้าของ WeChat และค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Epic games Samsung บริษัทอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติเกาหลี และ Kweichou Moutai บริษัทผลิตเหล้าชื่อดังจากจีน และตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนปัจจุบันตลาดหุ้นของ Emerging Market ส่งสัญญานกลับตัวทำผลงานได้ดีกว่าประเทศกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว Development Market (DM) ส่งผลให้นักวิเคราะห์มองว่า อาจจะเป็นธีมของ Value Stock เงินจึงไหลมาตลาดที่ตลาดกำลังพัฒนานี้ ส่วนหุ้นที่มีความเสี่ยงกลับกลายเป็น Growth Stock ที่ขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้า​​



ทำไมต้อง Value Stock​​​​​

          กระแสของหุ้นกลุ่ม Value Stock ยังคงเป็นธีมการลงทุนหลักในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะโดดเด่นกว่าหุ้นกลุ่ม Growth สะท้อนจากตัวชี้วัดหลายๆ ดัชนี MSCI World Value ที่โดดเด่นกว่า MSCI World Growth หรือ ดัชนี Dow Jones Industrial Average ที่โดดเด่นกว่า Nasdaq นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ ดังนี้ 
          1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก : แม้ Covid-19 จะยังไม่หายไปและมีการกลายพันธุ์ หลายประเทศทั่วโลกปรับตัวและรับมือได้ดี มีแนวโน้มกลับมาเปิดเมือง ทำให้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ทำให้กลุ่มประเทศดังกล่าวเริ่มกลับมาน่าสนใจโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย 
          2) ผลการสำรวจจาก Bloomberg : สะท้อนให้เห็นว่าผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกให้ความสนใจในหุ้นกลุ่ม Value Stock มากกว่า หุ้นกลุ่ม Growth เกือบเท่าตัว
         3) หุ้น Value มีผลประกอบการที่ดีกว่าหุ้น Growth : เมื่อปี 2013-2015 ที่ผ่านมาจากการที่สภาพคล่องลดลง มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พบว่าผลประกอบการของหุ้น Value ทำผลงานได้ดีอยู่ในระดับ 43% ในปี 2013 และ 17% ในปี 2014 ตามลำดับ 
         4) ดอกเบี้ยขาขึ้น : การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นกลุ่ม Growth มากกว่าหุ้นกลุ่ม Value ซึ่งถ้าธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะกระทบกำไรของหุ้นกลุ่ม Growth แน่นอน 
          5) ทิศทาง Bond Yield : การเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ส่งผลต่อตลาดหุ้น โดยหาก Bond Yield มีการปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้หุ้นกลุ่ม Growth ทั่วโลกมีการปรับตัวลดลง ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่ม Value จะยังคงได้ประโยช์ต่อไป

คำแนะนำลงทุนรับกระแส ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)​​​​​

          1) ลงทุนตรงผ่านตลาดหุ้นไทย 
          การลงทุนธีม Value Stock ส่งผลดีต่อหุ้นของประเทศไทย เพราะหุ้นของประเทศไทยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหุ้น Value จำนวนมาก ดังนั้นนักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้น Value ได้อย่างมั่นใจ ตามสไตล์การลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หุ้นไทยที่แนะนำเช่น กลุ่มการเงิน (ธนาคาร) กลุ่มไอที กลุ่มพลังงาน กลุ่มสุขภาพ เป็นต้น 
          2) ลงทุนในตลาด Emerging Market ผ่านกองทุนรวม ​
          หากไม่อยากลงทุนในหุ้นตรงๆ แต่สนใจใน Emerging Market แนะนำกองทุน K-GEMO ที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก ความเสี่ยงของกองทุนอยู่ในระดับ 5 (ปานกลางค่อนข้างสูง) มี MSCI Emerging Net Total Return USD เป็นดัชนีชีวัด มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และผลการดำเนินงานดังนี้

ประเภทสินทรัพย์​​

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565​ ​ ​ ​ ​ ​​
ต้นปีถึงปัจจุบัน 
3 เดือน
​6 เดือน
​1 ปี     
(% ต่อปี) 
​3 ปี     
(% ต่อปี) 
​5 ปี     
(% ต่อปี) 
10 ปี     
(% ต่อปี) 
กองทุน K-GEMO​
​2.32%
​- 5.67%
​- 8.09%
​-10.80%
​10.25%
​8.43%
​4.86%

          การลงทุนใน Emerging Market ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือกองทุนรวม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในอดีต ปัจจุบัน แนวโน้มในอนาคต หรือ ดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่จะลงทุน เช่น ดูงบกำไรขาดทุน ความน่าเชื่อถือและนโยบายของผู้บริหาร การผลิต การบริการ การตลาด เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์แบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ลงทุนต้องเข้าใจในสิ่งที่จะลงทุนเป็นอย่างดีด้วยตนเอง ไม่ควรลงทุนโดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอ 

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน” 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
KSecurities : Emerging Markets แข็งแกร่งอีกครั้ง ปรับพอร์ตรับเทรนด์ Value Play 

​​.

บทความโดย K WEALTH GURU พธพร รัตนสิโรจน์กุล
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

​กองทุนแนะนำจาก บลจ. กสิกรไทย​​

ดูเพิ่มเติม