K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน: ECB ลดดอกเบี้ยตามคาด พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP
13 กันยายน 2567
2 นาที

ประเด็นร้อน: ECB ลดดอกเบี้ยตามคาด พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP


​​​​​​​​​​​​​“

• ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 3.50% โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปี นับจากเดือนมิ.ย. พร้อมลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปลง


• K WEALTH ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในหุ้นยุโรป และแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ยังมีมูลค่าเหมาะสมและกำไรยังเติบโตได้ดี พร้อมรับกับความผันผวนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอนาคต เช่น Healthcare, Utilities, Infrastructure



​​


ECB ลดดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ หลังเงินเฟ้อลดลงตามเป้า

​เมื่อวานนี้ (12 ก.ย. 67) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นไปตามคาดการณ์ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 3.50% โดยเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปี นับจากเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา


การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้มาจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเข้าใกล้สู้เป้าหมายของ ECB ที่ 2% ซึ่ง ECB มองว่าน่าจะเข้าสู่เป้าหมายในปี 2025 และความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในยุโรปที่เติบโตช้าลง การประชุมครั้งนี้มีการปรับประมาณการ GDP โดยคาดว่าปี 2567 จะเติบโตได้เพียง 0.8% ลดลงเล็กน้อยจาก 0.9% และ ปี 2568 จาก 1.4% เหลือ 1.3% โดยมองว่าปัจจัยกดดันหลักมาจากภาคการผลิตที่อ่อนแอลง พร้อมกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ​


โดยนางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจและการตัดสินใจในการประชุมเป็นรายครั้ง ดังนั้นจึงยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของยุโรปอย่างต่อเนื่อง​



มุมมองการลงทุน

ตลาดรับข่าวการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB ไปพอสมควรแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปเริ่มแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ช้าลง โดยเฉพาะประเทศที่เยอรมนีที่เห็นการหดตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับการปรับลดประมาณการ GDP ของ ECB ถึงแม้มูลค่าจะอยู่ในระดับที่น่าสนใจก็ตาม​


​ดังนั้น K WEALTH จึงมีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในหุ้นยุโรป และแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ยังมีมูลค่าเหมาะสมและกำไรยังเติบโตได้ดี พร้อมรับกับความผันผวนและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอนาคต เช่น Healthcare, Utilities, Infrastructure



โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้

• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ 

     o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology 

     o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม 

      o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน 


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน 

     o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่

           กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ

           กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้


• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ 

     o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน 

     o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน ​


​ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน” 


*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด



บทความโดย K WEALTH
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!