ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจาก OPEC ปรับลดการคาดการณ์การใช้น้ำมันลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันอังคาร (10 ก.ย.) ส่งผลให้กองทุนหลักของ K-OIL ปรับตัวลดลง 3.77% หลังจากโอเปกได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันจากจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
การปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของโอเปกได้ลบปัจจัยบวกจาก พายุโซนร้อนฟรานซีน (Francine) ที่เคลื่อนตัวผ่านอ่าวเม็กซิโก ซึ่งการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ มีสัดส่วนประมาณ 15% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดภายในประเทศ และมีการคาดการณ์ว่า พายุโซนร้อนฟรานซีนมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงกลายเป็นเฮอร์ริเคน ทำให้บริษัท Exxon Mobil, Shell และ Chevron ได้อพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งและระงับการดำเนินงานด้านน้ำมันและก๊าซบางส่วนในอ่าวเม็กซิโก
นักวิเคราะห์จาก Barclays หั่นเป้าหุ้น Luxury Brand ยุโรป
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองทุนหลักของ KT-LUXURY ปรับตัวลดลง -5.04% หลังมีรายงานว่าในช่วงที่ผ่านมาหลังนักวิเคราะห์จาก Barclays ปรับลดราคาเป้าหมายของ Adidas, Burberry และ Kering ลง หลังจากลงพื้นที่ไปสำรวจร้านของแบรนด์ต่าง ๆ ในประเทศจีน พบว่าชาวจีนมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนหน้า และ มองว่าเศรษฐกิจจีนมีความอ่อนแอเชิงโครงสร้างจากปัญหาเรื่องอสังหาริมทรัพย์ในประเทศซึ่งแก้ปัญหาได้ยากในระยะสั้น ทำให้ทางนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดสินค้าหรูในประเทศจีนอาจจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว จึงปรับเป้าการประมาณการเติบโตลงจาก 7% เหลือ 4% ในปี2025
มุมมองการลงทุนในปัจจุบัน
ในภาพรวมเรามองว่าราคาน้ำมันและหุ้นกลุ่ม Luxury ยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศจีน ทำให้การใช้จ่ายของประชาชนจีนมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งประเทศจีนเป็นกำลังซื้อหลักของสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้ ยังคงมีมุมมองเป็นกลางต่อสินทรัพย์ประเภทน้ำมัน และแนะนำกลุ่ม Luxury สำหรับการลงทุนระยะยาว
โดยในระยะสั้นถึงกลางแนะนำให้สะสมหุ้นในกลุ่ม Defensive ซึ่งมีมูลค่าเหมาะสม ลักษณะธุรกิจมีความสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงในช่วงเวลานี้ เช่น หุ้นในกลุ่ม Healthcare และ Infrastructure แทน
สำหรับกองทุนแนะนำ ที่ทาง K WEALTH มีดังนี้
• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น MedTech, Biotechnology
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-HIT-A(A)* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในหุ้น Megatrends สำคัญตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน
o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ
กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้
• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ
o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน
o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”
*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM, K-HIT-A(A) และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด