K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน: อัปเดตเงินเฟ้อสหรัฐฯ พร้อมผลดีเบตครั้งแรก
12 กันยายน 2567
2 นาที

ประเด็นร้อน: อัปเดตเงินเฟ้อสหรัฐฯ พร้อมผลดีเบตครั้งแรก


​​​​​​​​​​​“

• การดีเบตระหว่างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์พบกับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสมีการถกเถียงในประเด็นสำคัญ เช่น เศรษฐกิจ-ค่าครองชีพ, พลังงาน, สงคราม ซึ่งผลหลังจากการดีเบตเป็นฝ่ายรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น


• ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.2% (YoY) เป็นไปตามคาดการณ์ และเพิ่มขึ้น 0.3% (MoM) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% (MoM) ส่งให้นักลงทุนคาดว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ที่ 0.25%


• K WEALTH ยังคงแนะนำให้ลงทุนในกลุ่ม Healthcare และ Infrastructure ซึ่งมีมูลค่าเหมาะสม ได้รับผลดีและจำกัดผลกระทบจากการเลือกตั้ง และมีรูปแบบธุรกิจทำรายได้และกำไรสม่ำเสมอพร้อมรับกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัว




ศึกดีเบตครั้งแรกระหว่างทรัมป์-แฮร์ริส

​นี่เป็นครั้งแรกที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์พบกับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสบนเวทีดีเบตศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 2024 โดยมีการถกเถียงในประเด็นหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ดังนี้ 


• เศรษฐกิจ-ค่าครองชีพ

รองประธานาธิบดีแฮร์ริสเปิดการดีเบตด้วยการเสนอแผนลดหย่อนภาษี 50,000 ดอลลาร์ สำหรับผู้เริ่มทำธุรกิจรายย่อย และกล่าวหาทรัมป์ว่ามีส่วนให้เกิดการขาดดุลการค้าและเพิ่มค่าครองชีพของประชาชน ด้านทรัมป์ปฏิเสธข้อพาดพิงและกล่าวว่านโยบายกำแพงภาษีกับจีนซึ่งเป็นประเทศที่เอาเปรียบสหรัฐฯ มานานหลายปี และกล่าวหารัฐบาลไบเดน-แฮร์ริสทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงปัญหาผู้อพยพ 


• พลังงาน 

รองประธานาธิบดีแฮร์ริสปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าต่อต้านการขุดเจาะน้ำมันแบบแฟรกกิ้ง และยืนยันว่าสนับสนุนเพื่อให้สหรัฐฯ เป็นอิสระจากการพึ่งพาน้ำมันต่างชาติ ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าแฮร์ริสโกหกและหากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอีกมาก 


• อิสราเอล-ฮามาส และยูเครน 

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังย้ำในจุดยืนเดิม คือ หากได้เป็นผู้นำจะไม่มีสงครามอิสราเอล-ฮามาส และรัสเซีย-ยูเครน เกิดขึ้น และกล่าวหาว่ารัฐบาลปัจจุบันทำให้อิหร่านเข้มแข็งขึ้น ในขณะที่สมัยของทรัมป์ทำให้ชาติเผด็จการหวาดกลัวและอ่อนแอ และประกาศว่าหากชนะการเลือกตั้ง สงครามเหล่านี้จะยุติลง


ฝั่งแฮร์ริสกล่าวว่าต้องมีการหยุดยิงเพื่อยุติสงครามอิสราเอล-ฮามาส และนำตัวประกันออกจากกาซ่า พร้อมยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิป้องกันตนเอง พร้อมตอบโต้ว่าผู้นำเผด็จการต้องการให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เพราะจะได้ใช้ประโยชน์จากทรัมป์ผ่านการยกยอ และเผยอีกว่าการยุติสงครามยูเครนของทรัมป์ เพราะทรัมป์จะไม่ช่วยเหลือยูเครนอีกต่อไป ถือเป็นทำให้รัสเซียเป็นผู้ชนะและเป็นอันตรายต่อพันธมิตรนาโต​



จบดีเบตครั้งนี้ แฮร์ริสกุมคะแนนนิยมเหนือกว่า

​ภาพรวมรูปแบบการดีเบตครั้งนี้โดยส่วนใหญ่ คือ ฝั่งแฮร์ริสโจมตีในหลายประเด็นบีบให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ต้องปกป้องพฤติกรรมและความคิดเห็นในอดีต สะท้อนว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริสเตรียมการมาอย่างดี โดยเมื่อใดที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพูด ทางแฮร์ริสจะแสดงท่าทางไม่เข้าใจหรือไม่เชื่อ ส่งผลให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีอาการอารมณ์เสียและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม


​หากตัดสินผลชนะของการดีเบตครั้งนี้ด้วยการพิจารณาว่าผู้ท้าชิงตำแหน่งฝั่งใดได้ประโยชน์ในแต่ละประเด็น และปกป้องข้อกล่าวหาในประเด็นที่เป็นจุดอ่อน ชัยชนะตกเป็นของฝั่งรองประธานาธิบดีแฮร์ริส



เงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ สูงกว่าที่คาด คาด Fed ลดดอกเบี้ยเหลือแค่ 0.25%

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. สหรัฐฯ ประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งรวมราคาอาหารและพลังงาน เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.5% (YoY) และเพิ่มขึ้น 0.2% (MoM) เป็นไปตามคาดการณ์ และเป็นการเพิ่มขึ้นที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2021​


ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.2% (YoY) เป็นไปตามคาดการณ์ และเพิ่มขึ้น 0.3% (MoM) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% (MoM)​


​โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้ความเป็นไปได้ที่ 85% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย. เพิ่มจากความเป็นไปได้ที่ 56% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว



ตลาดปรับตัวขึ้น หลัง CEO NVIDIA เผยความต้องการชิปยังสูง

​หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดด้วยความผันผวนท่ามกลางข่าวการดีเบตและดัชนี CPI ได้มีข่าว CEO NVIDIA เผยในงาน Goldman Sachs conference ว่ายังมีความต้องการชิปจากลูกค้าอย่างมาก แม้บริษัทจะประสบปัญหาการผลิตชิปรุ่นใหม่ Blackwell ล่าช้า ส่งให้ราคาหุ้น NVIDIA ปรับตัวขึ้น 8.1% และหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวก


ดัชนีที่เกี่ยวข้อง • Dow Jones +0.31% (11 ก.ย.) • S&P 500 +1.07% (11 ก.ย.) • Nasdaq +2.17% (11 ก.ย.) ​



มุมมองการลงทุน

​คะแนนนิยมของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ลดลงในระหว่างการดีเบต 90 นาที สวนทางรองประธานาธิบดีแฮร์ริสที่ได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 11 ก.ย. 67 เผยว่ามีความเป็นไปได้ที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้งได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีที่ 56% และความเป็นไปได้ของฝั่งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 47%


​ด้านอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปและในบางเดือนอาจเปิดเผยออกมาสูงกว่าคาดการณ์ ยังเป็นอีกปัจจัยที่กดดันและสร้างความไม่ชัดเจนต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed


​K WEALTH มองว่าเป็นการเลือกตั้งที่คาดการณ์ผลค่อนข้างยาก และด้วยคะแนนนิยมที่ยังสูสีทำให้พร้อมมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งมีความไม่แน่นอนและอาจปรับเปลี่ยนไปตามข้อมูลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่เปิดเผยออกมา ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีด้วยกระแส AI มีมูลค่าและความคาดหวังที่สูง ทำให้มี Upside ค่อนข้างจำกัด


ส่งให้ K WEALTH ยังคงแนะนำลงทุนในกลุ่ม Healthcare ซึ่งหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการเลือกตั้ง และรับผลดียิ่งขึ้นหากรองประธานาธิบดีแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง และแนะนำกลุ่ม Infrastructure ที่ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบ และอาจได้รับประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศจากทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้หุ้นทั้งกลุ่ม Healthcare และ Infrastructure ยังมีมูลค่าเหมาะสมและมีรูปแบบธุรกิจทำรายได้และกำไรสม่ำเสมอพร้อมรับกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัว​



โดยมีคำแนะนำในกองทุนแนะนำ มีดังนี้

​• ผู้ที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ 

     o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GHEALTH* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนในบริษัท Healthcare ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Defensive เช่น Pharmaceutical, Healthcare Services และกลุ่ม Growth เช่น Medtech, Biotechnology 

     o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-VIETNAM* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ลงทุนหุ้นเวียดนามที่รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น บริโภคภายใน การเงิน อุตสาหกรรม o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GINFRA* (ระดับความเสี่ยง 6 จาก 8 ระดับ) ซึ่งลงในบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก เช่น ท่อก๊าซ โรงไฟฟ้า สนามบิน 

     o แนะนำพิจารณาลงทุนกองทุน K-GOLD** (ระดับความเสี่ยง 8 จาก 8 ระดับ) เพื่อรับกับความผันผวนจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน


• สำหรับนักลงทุนที่มีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น หรือกังวลกับความเสี่ยงในการลงทุน 

     o หากรับความเสี่ยงได้บ้าง หรือเป็นเงินลงทุนที่ถือได้อย่างน้อย 1 ปี ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ 

           กองทุน K-FIXED-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ 

           กองทุน K-FIXEDPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่างประเทศหรือรับความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศได้ 


• หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ หรือต้องการหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มีความผันผวน หรือต้องการพักเงินสั้นๆ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้ง แนะนำ 

     o กองทุน K-SF-A** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) ซึ่งเหมาะกับการลงทุน 1-3 เดือน 

     o กองทุน K-SFPLUS** (ระดับความเสี่ยง 4 จาก 8 ระดับ) เหมาะกับการลงทุน 3-6 เดือน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg 


Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน” 


*กองทุน K-GHEALTH, K-VIETNAM และ K-GINFRA มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน 

**กองทุน K-FIXED-A, K-FIXEDPLUS, K-SF-A, K-SFPLUS และ K-GOLD มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด





บทความโดย K WEALTH
KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!