ในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยตลาดกำลังปรับตัวลง กูรูการลงทุนหลายคนมักบอกว่าราคาตราสารหนี้และ NAV กองทุนตราสารหนี้จะปรับตัวขึ้น จึงไม่แปลกที่ตอนนี้มีหลายคนที่เตรียมนำเงินเก็บหรือเงินลงทุนที่มี ไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้โดยเฉพาะกองทุนที่มีอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่ยาว ในช่วงที่หลายคนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลงอย่างในปี 2567 นี้
ดอกเบี้ยลง ราคากองทุนตราสารหนี้ขึ้นจริงหรือ?
หากพิจารณาตัวอย่างในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยปรับตัวลง อย่างช่วง ก.ค. 62 - มี.ค. 63 ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ซึ่งเป็นธนาคารกลางหลักของโลก มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 2.50% ไปเป็น 0.25% โดยในช่วงเวลาเดียวกันกองทุนตราสารหนี้อย่าง K-FIXEDPLUS-A ราคามีการปรับตัวขึ้น 2.26% ภายในเวลาประมาณ 7 เดือนครึ่ง ซึ่งถือว่าสูงกว่าผลตอบแทนแทนจากการลงทุนตราสารหนี้หรือกองทุนตราสารหนี้ทั้งปีในหลายช่วงเวลา
การที่ดอกเบี้ยตลาดปรับตัวลงแต่ราคาตราสารหนี้ปรับตัวขึ้นนั้น สามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ได้ว่า เมื่อดอกเบี้ยตลาดลดลง
• ตราสารหนี้ที่ออกใหม่จะจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ลงทุนน้อยลง เช่น ตราสารหนี้ที่เคยออกในอดีตจ่ายดอกเบี้ย 4% ต่อปี แต่เมื่อดอกเบี้ยตลาดลดลง ตราสารหนี้ที่จะออกใหม่อาจจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงเหลือ 3% ต่อปี
• ตราสารหนี้เดิมที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดรองที่จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าตราสารหนี้ที่ออกใหม่ หากไม่มีประเด็นความเสี่ยงหรือปัจจัยอื่นมากระทบ ตราสารหนี้นั้นจึงเป็นที่ต้องการของผู้ลงทุน จนทำให้ราคาตราสารหนี้มีการปรับตัวสูงขึ้นจนดอกเบี้ยที่จ่ายเทียบกับต้นทุนราคาตราสารหนี้ที่ซื้อขายกัน มีอัตราผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับตราสารหนี้ที่ออกใหม่ เช่น 3% ต่อปี เป็นต้น
หากดอกเบี้ยไม่ลง กองทุนตราสารหนี้ไม่น่าลงทุนใช่ไหม?
จากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค. 67 ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ทำให้หลายคนเริ่มมองว่าตลอดปี 67 นี้ FED อาจลดดอกเบี้ยช้าและในอัตราที่น้อยลง ทำให้ราคากองทุนตราสารหนี้อาจไม่ปรับตัวขึ้นแรงอย่างที่หลายคนเคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ ความน่าสนใจที่จะลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในตอนนี้จึงลดลงไปด้วย
แต่หากมองอีกด้าน เมื่ออัตราดอกเบี้ยยังไม่ปรับตัวลง การลงทุนในตราสารหนี้ตอนนี้ก็จะยังคงได้รับดอกเบี้ยที่สูง ผลตอบแทนจากกองทุนตราสารหนี้ก็จะสูงขึ้นตาม เช่น การลงทุนกองทุนตราสารหนี้อย่าง K-FIXEDPLUS-A ในวันที่ 19 ธ.ค. 61 ซึ่งเป็นวันแรกที่ดอกเบี้ยนโยบายของ FED ปรับขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% ผ่านไป 1 ปี จนถึง 19 ธ.ค. 62 ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนกองทุนนี้อยู่ที่ 3.31% แม้ในระหว่างนั้น FED จะลดดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้งๆ ละ 0.25% ตอน 31 ก.ค. 62 18 ก.ย. 62 และ 30 ต.ค. 62 จนดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.75% ก็ตาม
ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าว สูงกว่าการลงทุนที่ระยะเวลา 1 ปีเท่ากัน ในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำแล้ว เช่น การลงทุนกองทุน K-FIXEDPLUS-A ในวันที่ 16 มี.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่ FED ปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยช่วงนั้น ไปอยู่ที่ 0.25% ผ่านไป 1 ปี โดย FED ไม่มีการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าวอีก กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ -0.05% หรือมูลค่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย เป็นต้น
ดอกเบี้ยไม่นิ่ง กองทุน K- FIXEDPLUS ผันผวนจนไม่น่าลงทุนไหม?
ธรรมชาติของราคาหรือ NAV กองทุนตราสารหนี้ จะมีการปรับตัวขึ้นลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยตลาดมีการเปลี่ยนแปลง โดยกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เช่น K-FIXEDPLUS-A ที่เป็นกองทุนกลุ่ม Long Term General Bond ซึ่งมีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ 2 ปี 9 เดือน แม้มีความผันผวนกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น K-SF-A ที่เป็นกองทุนกลุ่ม Short Term General Bond Bond ซึ่งมีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ 4 เดือน แต่ K-FIXEDPLUS-A ก็เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในเกือบทุกช่วงเวลา หากเป็นการลงทุน 1 ปีขึ้นไป

กองทุนตราสารหนี้ ลงทุนได้ทั้งปี ไม่ว่าดอกเบี้ยเป็นอย่างไร
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพดีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ความเสี่ยงหรือความผันผวนของราคาหลักๆ มาจากดอกเบี้ยตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและความกังวลใจของผู้ลงทุน แต่ไม่ว่าราคากองทุนตราสารหนี้นั้นจะผันผวนเพียงใด หากถือลงทุนได้นานพอหรือไม่น้อยกว่าอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนอยู่ ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ และมีเพียงไม่กี่ช่วงเวลาที่เห็นผลตอบแทนติดลบได้ ตัวอย่างเช่น กองทุน K-FIXEDPLUS-A ที่มีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ 2 ปี 9 เดือน จากผลการดำเนินงานย้อนหลังนับตั้งแต่ 3 ส.ค. 63 – 17 เม.ย. 67 (กองทุนนี้จดทะเบียนเมื่อ 2 ส.ค. 60) พบว่ามีเพียง 13 วันเท่านั้นที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีติดลบ โดยติดลบมากที่สุดอยู่ที่ -0.11%ต่อปี (หรือประมาณ -0.33% ต่อ 3 ปี) ในขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีและ 3 ปี สูงสุดอยู่ที่ 3.37%ต่อปี และ 2.24%ต่อปี ตามลำดับ
กองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกลงทุนและพักเงินได้ทุกช่วงเวลา เพียงเลือกให้เหมาะกับระยะเวลาการลงทุนที่ต้องการ เช่น ลงทุน 1-1.5 ปีขึ้นไป แนะนำกองทุน K-FIXEDPLUS-A แต่ถ้าลงทุนหรือพักเงินระยะสั้นๆ 1-3 เดือนขึ้นไป แนะนำกองทุน K-SF-A หรือหากสนใจกองทุนแนะนำอื่นของ K WEALTH ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น รวมไปถึงกองทุน SSF/RMF สามารถติดตามได้ที่ “กองทุนแนะนำประจำเดือน K WEALTH Fund Recommend”
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”, “ตัวอย่างภาษีที่แสดงเป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นเท่านั้น”