K WEALTH / บทความ / Product Review / ทำไมถึงเวลาต้องเพิ่ม K-GHEALTH ในพอร์ต
10 เมษายน 2567
4 นาที

ทำไมถึงเวลาต้องเพิ่ม K-GHEALTH ในพอร์ต


​​​​​​​​​​​​​​​​“

• ปีนี้มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง ช่วงที่ผ่านมาหลายตลาดหุ้นมีความร้อนแรง ควรเลือกลงทุนหุ้นดี ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มาก นั่นคือ กองทุนหุ้นกลุ่ม Healthcare


• กองทุน K-GHEALTH เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare ทั้งหุ้นเติบโต (Growth) และหุ้นกลุ่มปัจจัยพื้นฐานต่อการบริโภค (Defensive) ที่ผันผวนตามเศรษฐกิจโลกน้อย




ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่างๆ อยู่ในระดับเลยจุดสูงสุดมาแล้ว แปลว่า ตลาดหุ้นมีโอกาสกลับมาน่าสนใจ บางตลาดก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่ทำสถิติสูงสุด (All Time High) แล้วจะมีหุ้นกลุ่มไหนที่น่าสนใจแต่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นอีก วันนี้ KWEALTH จะสรุปมาให้



คนชอบลงทุนหุ้นสหรัฐฯ อยากหาของถูกมาทางนี้

​สำหรับหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนีหลัก ไม่ว่าจะเป็น Dow Jones, Nasdaq, S&P500 Index ต่างปรับตัวในระดับสูงสุดตั้งแต่จัดตั้งดัชนีมา แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ราคายังไม่วิ่งตามดัชนีดังกล่าว นั่นคือ หุ้นกลุ่ม Healthcare จะเห็นได้จากกราฟ



กราฟนี้แสดงให้เห็นว่า ดัชนี MSCI World เป็นตัวแทนของหุ้นทั่วโลก ซึ่งในดัชนีมีหุ้นสหรัฐฯอยู่ด้วย ไม่น้อยกว่า 50% ทำผลตอบแทนได้ดีกว่า ดัชนี MSCI World Healthcare (ดัชนีตัวแทนหุ้นกลุ่ม Healthcare) แสดงว่า ภายใต้หุ้นทั่วโลกเหมือนกัน หุ้นทั่วโลกกลุ่ม Healthcare ยังขึ้นไม่มากเท่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ได้กำไรจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาสูง เช่น หุ้นญี่ปุ่น และหุ้นเวียดนาม ให้ลดสัดส่วนลงเพื่อมาลงทุนในหุ้นกลุ่ม Healthcare เพื่อลดความเสี่ยงก็ได้



หุ้นกลุ่ม Healthcare นอกจากราคาถูก ยังมีอะไรที่น่าสนใจ

ปัจจัยที่ทำให้หุ้นกลุ่ม Healthcare มีความน่าสนใจขึ้นไปอีก คือ 1.ธุรกิจ Healthcare มีความน่าสนใจ ดูได้จากแนวโน้มประชากรของประเทศต่างๆในโลก เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น (ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป สัดส่วนมากกว่า 10%) นำไปสู่ค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น 2.คาดการณ์ว่าหุ้นกลุ่ม Healthcare จะมีผลประกอบการที่ดีกว่าในอดีต และดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ




​จาก Bloomberg Consensus แสดงให้เห็นถึงผลประกอบการของหุ้นทั่วโลกในกลุ่ม Healthcare ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ตัวอย่างบริษัทยาที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี เช่น ยา GLP1 ที่เป็นยารักษาเบาหวาน ยังใช้เป็นยาลดความอ้วนได้ด้วย หรือ Dexcom ที่นอกจากจะเป็นยารักษาให้หายป่วย ยังเป็นยาที่ป้องกันการเจ็บป่วย (Preventive) อีกด้วย ​




​ในขณะเดียวกัน หากเปรียบเทียบผลตอบแทนในระยะยาว (16 ปีย้อนหลัง) ผลตอบแทนหุ้นกลุ่ม Healthcare ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500 นอกจากนี้ ในช่วงที่ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ปี 2007-2008 ทำให้หุ้นกลุ่ม Biotech ผลการดำเนินงานดีกว่า หุ้นดัชนี S&P500



ทำไมต้องเป็นกองทุน K-GHEALTH

ลงทุนกองทุนหลักจาก JPMorgan Funds- Global Healthcare Fund-Class A (acc) USD ซึ่งปัจจุบันทาง บลจ.กสิกรไทย ได้ผนึกกำลังกับ JPMAM เป็น Partner ในการบริหารกองทุน เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดของกองทุนหลัก จะพบว่า มีการกระจายตัวในหุ้น 2 สไตล์ คือ สไตล์ Growth เน้นหุ้นเติบโตสูง เช่น หุ้นในกลุ่ม Biotech และ Medtech และสไตล์ Defensive เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานราคาผันแปรตามเศรษฐกิจโลกน้อย โดยคาดการณ์ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่ม Biotech จะเติบโตได้ดีในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยปัจจุบันผลการดำเนินงานในอดีตที่กองทุน K-GHEALTH ยังทำผลการดำเนินงานได้ไม่ดี ประกอบกับหุ้นกลุ่ม Biotech ยังมีราคาไม่ปรับตัวขึ้นมา (Underperform)


สำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างเดียว เลือกลงทุนใน K-GHEALTH ที่มีนโยบายป้องกันอัตราแลกเปลี่ยน (Hedge ค่าเงิน) ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรค่าเงินด้วย เลือกนโยบายไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Unhedge ค่าเงิน)ก็ได้


จากสถานการณ์ปัจจุบัน จะเห็นว่าหุ้นกลุ่ม Healthcare มีแนวโน้มที่ดีกว่าในระยะยาว แต่ราคาตลาดสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีหลังสุดไปแล้ว ทำให้ราคาค่อนข้างถูกเทียบกับหุ้นสหรัฐฯด้วยกันเอง ดูได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ 29 ก.พ. 67) กองทุน K-GHEALTH แบบ Hedge ค่าเงิน ย้อนหลัง 1 ปี ได้ผลตอบแทน 6.57% ต่อปี ย้อนหลัง 5 ปี ได้ผลตอบแทน 6.50% ต่อปี และย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ได้ผลตอบแทนที่ 4.89% ต่อปี



คำแนะนำ

- สำหรับผู้ที่มีกองทุน K-GHEALTH หากยังมีไม่เกิน 30% ของพอร์ต แนะนำให้ทยอยซื้อเพิ่ม แต่หากมีเกิน 30% ของพอร์ตแล้ว แนะนำถือต่อไป 

- ส่วนนักลงทุนใหม่ แนะนำให้ซื้อเพิ่มได้ หรือ จะแนะนำให้ทยอยขายกองทุนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 1-2 เดือนนี้ เช่น หุ้นญี่ปุ่น หรือ หุ้นเวียดนาม มาลงทุนในกองทุน K-GHEALTH เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสเติบโตจากราคาตลาดที่ยังไม่เคลื่อนไหวมากนัก


*ขอขอบคุณข้อมูล จาก Bloomberg 

คำเตือน : ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต

บทความโดย K WEALTH Trainer สุนิติ ถนัดวณิชย์ CFP®

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!