สอบถามเรื่องการเงินหรือนัดผู้เชี่ยวชาญวางแผนการลงทุนได้เลย เพียงสแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อนกับ Line KBank Live
สแกน QR Code โดยใช้ กล้องมือถือ หรือ LINE เพื่อดำเนินการต่อบน LINE KBank Live
สอบถามเรื่องการเงิน หรือ สอบถามผู้เชี่ยวชาญ วางแผนการลงทุนได้เลย โทร. 02-8888888 กด 865
สอบถามเรื่องการเงิน หรือ นัดผู้เชี่ยวชาญวางแผนการลงทุนได้เลย
เพียงสแกน QR Code เพื่อเพิ่มเพื่อนกับ
สมัครสมาชิก K WAELTH ฟรี
รวมรายการสิทธิค่าหักลดหย่อนภาษี ปี 2567
ThaiESG / SSF / RMF กองทุนลดหย่อนภาษี
กองทุนรวมแนะนำจาก K WEALTH
มุมมองตลาด
เทคนิคการเก็บเงินให้พอใช้หลังเกษียณ
ค้นหา ผลิตภัณฑ์ กองทุน ประกัน ที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
พูดคำที่คุณต้องการค้นหา
ไม่เข้าใจ หรือไม่สามารถตรวจสอบได้
วันที่ 10 ตุลาคม 2566
เงินเฟ้อ หรือ Inflation เป็นคำศัพท์ที่เมื่อฟังข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการลงทุน หรือฟังนักวิเคราะห์การลงทุนเล่า ก็เป็นคำยอดฮิตที่มักถูกพูดถึง เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง วันนี้ KWEALTH มาอธิบายให้หมดเปลือกเกี่ยวกับคำว่า “เงินเฟ้อ” แล้วสถานการณ์เงินเฟ้อ ณ ขณะนี้ ควรท
เงินเฟ้อ หรือ Inflation เป็นคำศัพท์ที่เมื่อฟังข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการลงทุน หรือฟังนักวิเคราะห์การลงทุนเล่า ก็เป็นคำยอดฮิตที่มักถูกพูดถึง เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง วันนี้ KWEALTH มาอธิบายให้หมดเปลือกเกี่ยวกับคำว่า “เงินเฟ้อ” แล้วสถานการณ์เงินเฟ้อ ณ ขณะนี้ ควรที่จะลงทุนอย่างไร
ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน เงินเฟ้อคือการดูว่าราคาสินค้าและบริการโดยเฉลี่ย ปรับเพิ่มขึ้น แพงกว่าเดิม มากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่ถูกนำมาคำนวณเงินเฟ้อของไทย ก็จะเป็นสินค้าและบริการที่เราใช้จ่ายอยู่เป็นประจำ เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมแอลกอฮอล์) น้ำหนักในการคำนวณเงินเฟ้ออยู่ที่ 42% ค่าเดินทาง 23% ค่าที่อยู่อาศัย 22% ความบันเทิง และการศึกษา 4% อื่นๆ อีก 9% แล้วจึงคำนวณออกมาเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หรือแปลง่ายๆ ว่าสินค้าและบริการแพงขึ้นนั้น สาเหตุที่ทำให้สินค้าแพงขึ้นแบ่งออกเป็น 3 ปัจจัย ได้แก่
เมื่อต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เช่น ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ หรือค่าแรง ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อรักษาระดับกำไร
ตัวอย่าง: เมื่อราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มตาม ร้านค้าจึงจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
คำแนะนำสำหรับเงินเฟ้อจากต้นทุนการผลิต
เกิดขึ้นเมื่อความต้องการของผู้บริโภคมีมากกว่าปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ผู้ขายสามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้
ตัวอย่าง: ในช่วงการระบาดของโควิด-19 หน้ากากอนามัยเป็นที่ต้องการอย่างมาก แต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
คำแนะนำสำหรับเงินเฟ้อจากอุปสงค์ส่วนเกิน
เกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมากเกินไป เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือการพิมพ์เงินเพิ่ม ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น จนนำไปสู่การปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าและบริการ
คำแนะนำสำหรับเงินเฟ้อจากนโยบายการเงิน
เงินเฟ้อไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขในข่าวเศรษฐกิจ แต่ส่งผลจริงต่อชีวิตประจำวันของเรา ทั้งในฐานะผู้บริโภค ผู้ผลิต และนักลงทุน ลองมาดูกันว่ามุมมองแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร และเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร
เงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่า "กำลังซื้อ" ของเราอ่อนแอลง ยกตัวอย่างง่ายๆ:
ก๋วยเตี๋ยวเมื่อ 15 ปีก่อนราคา 20 บาท ปัจจุบันราคา 50 บาท
ผู้ผลิตต้องเผชิญกับราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น เช่น ค่าขนส่ง พลังงาน และวัตถุดิบดิบ หากไม่สามารถปรับราคาขายได้เท่าทัน ก็จะทำให้กำไรหดตัว
เมื่อต้นทุนธุรกิจสูงขึ้นและกำไรลดลง หุ้นของบริษัทมักจะถูกประเมินมูลค่าต่ำลง ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วงเงินเฟ้อสูง นักลงทุนจึงระมัดระวังในการลงทุน
หลายคนอาจมองว่า “เงินเฟ้อ” เป็นเรื่องลบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสมสามารถส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาและไทย จึงมีการกำหนด “กรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย” เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยไม่กระทบกำลังซื้อของประชาชน
ความต้องการสินค้าสูงขึ้น > ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น > ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด > ผู้ประกอบการมีผลกำไรเพิ่มขึ้น > ขยายกิจการ ลงทุนเครื่องจักรใหม่ > การจ้างงานขยายตัว > ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เงินเฟ้อเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในระบบเศรษฐกิจ แต่เราสามารถเตรียมตัวและวางแผนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อชีวิตประจำวันและการเงินส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับหลายคนที่ไม่มีเวลามานั่งติดตามตลาดการลงทุน อยากมีมืออาชีพมาคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้เติบโต แนะนำลงทุนที่กระจายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ มีจังหวะปรับเพิ่มหรือลดตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร หรือเงินเฟ้อจะสูง ต่ำ หรือมีความน่ากังวลแค่ไหน โดยให้ลงทุนผ่านกองทุนผสม ตัวอย่างกองทุนผสมหลากหลายสินทรัพย์ที่น่าสนใจ และมีการจัดการที่ดี คือ กองทุน Wealth Plus ที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนแบบ DCA ลงทุนแบบสม่ำเสมอเท่ากันทุกเดือน หรือจะเลือกลงทุนตามโอกาสที่ต้องการสะสมเงินลงทุนเป็นรายครั้งได้ นอกจากนี้ในระหว่างการลงทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้เข้ากับสภาวะช่วงนั้น โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ว่าจะมีเป้าหมายการลงทุนอย่างไร Wealth Plus ก็ช่วยวางแผน ช่วยเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเราได้ ง่าย ครบ จบในตัวเดียว
โดยใช้กล้องมือถือ หรือ LINE เพื่อดำเนินการต่อบน K PLUS
รับข่าวสารการเงินผ่าน LINE KBank Live อัปเดตได้ทุกที่ ทันทุกสถานการณ์ ตามติดทุกเทรนด์การลงทุน