"
• หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลง 24.2% หลัง SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินได้ ด้านธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่
• ในระยะสั้น ตลาดหุ้นยุโรปอาจยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ของธนาคารเครดิต สวิส นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและชะลอการลงทุนในหุ้นยุโรป
• กองทุนรวมหุ้นและกองทุนผสมส่วนใหญ่มีการกระจายการลงทุนในหลายหลักทรัพย์และหลายอุตสาหกรรม ผลกระทบทางตรงจึงค่อนข้างน้อย
"
15 มี.ค. 66 ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง โดยปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี นำโดยดัชนี STOXX 600 -2.92% Euro Stoxx 50 -3.46% CAC-40 -3.58% DAX -3.27% FTSE 100 -3.83% ส่วนตลาดหุ้นสเปนและอิตาลีร่วงลงกว่า -4% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารท่ามกลางความกังวลครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ในภาคธนาคาร โดยหุ้นเครดิต สวิส ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
เกิดอะไรขึ้นกับธนาคารเครดิต สวิส
หุ้นเครดิตสวิส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ณ 15 มี.ค. 66 ร่วงลง 24.2% และร่วงลงต่ำกว่า 2 ฟรังก์สวิส (2.18 ดอลลาร์) หลังธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิสได้ เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร
ธนาคารเครดิต สวิส ที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือต่อธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และ Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะต้องล้มละลายตามสถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ โดยธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศชัดเจนว่า หากจำเป็น ธนาคารกลางพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเครดิต สวิสอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคาร โดยรายงานข่าวล่าสุดระบุว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ กำลังให้เงินกู้ช่วยเหลือแก่เครดิต สวิส จำนวน 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส
ทั้งนี้ ณ 16 มี.ค. 66 ในระหว่างวันที่มีการซื้อขายหุ้นนั้น หุ้นเครดิต สวิส ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% เทียบกับวันก่อนหน้า
ผลกระทบที่เกิดขึ้น
•ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป ณ 15 มี.ค. ปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนี STOXX Europe 600 -2.92% Euro Stoxx 50 -3.46% CAC-40 -3.58% DAX -3.27% FTSE 100 -3.83% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งการเทขายหุ้นดังกล่าวทำให้หุ้นธนาคารหลายแห่งถูกระงับการซื้อขายชั่วคราวในช่วงเช้าวันที่ 15 มี.ค. เนื่องจากการขาดทุนที่สูง
•สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ณ 15 มี.ค. ร่วงลง -5.20% ปิดที่ 67.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการเงินของธนาคารเครดิต สวิส
•การร่วงลงของหุ้นเครดิต สวิส ทำให้มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของภาคธนาคารยุโรป ส่งผลให้บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งลดลงจาก 0.50% ที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนที่ SVB จะล้มละลาย
คำแนะนำการลงทุน
ผู้ลงทุนยังไม่จำเป็นต้องกังวลใจเกี่ยวกับเหตุการณ์เครดิต สวิส มากนัก โดยคำแนะนำการลงทุนในกองทุนต่างๆ ยังคงพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมของสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนได้ เช่น
•ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นยุโรป เช่น K-EUX, K-EUROPE-A(D), K-EUSMALL แนะนำถือลงทุนต่อ เพื่อรอประเมินสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน
•สำหรับผู้ที่กังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-PLAN2, K-PLAN3 ที่มีการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก โดยแนะนำให้ทยอยลงทุนหลายครั้ง (เช่น 3-5 ครั้งจากเงินลงทุนที่ตั้งใจ) เพื่อลดความเสี่ยงลง
•สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่สบายใจกับสถานการณ์ปัจจจุบันและอยากรอประเมินสถานการณ์ก่อน แนะนำพักเงินไว้ที่กองทุน K-CASH หรือ K-SF-A ก่อนได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
•KAsset
•Ryt9,
•The Standard Wealth
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”