K WEALTH / บทความ / Market Update / ประเด็นร้อน: ปิดธนาคาร SVB กระทบตลาดและนักลงทุนแค่ไหน
13 มีนาคม 2566
1 นาที

ประเด็นร้อน: ปิดธนาคาร SVB กระทบตลาดและนักลงทุนแค่ไหน


​​​"


• หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงการผู้ฝากเงินกับธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ยังคงได้รับการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน หลังจากที่ทางการมีคำสั่งปิด SVB เป็นการชั่วคราวในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา


• ระยะสั้นตลาดหุ้นอาจยังผันผวนจากความกังวลที่เกี่ยวข้องกับ SVB แต่ล่าสุดยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่ปัญหานี้จะขยายออกไป


• กองทุนรวมหุ้นและกองทุนผสมส่วนใหญ่ มีการกระจายลงทุนในหลายหลักทรัพย์และหลายอุตสาหกรรม ผลกระทบทางตรงจึงค่อนข้างน้อย


"


9-10 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ และส่งผลให้หลายตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงในวันที่ 10 มี.ค. อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น Nasdaq -1.76% S&P 500 -1.45% Dow Jones -1.07% หรือตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น HSCEI -3.06%เทียบกันก่อนหน้า เหตุการณ์ที่ว่า คือ การที่ธนาคาร SVB ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารของสหรัฐฯ ถูกทางการสั่งปิดชั่วคราว


เกิดอะไรขึ้นกับ SVB 


SVB หรือ Silicon Valley Bank ซึ่งเป็นธนาคารผู้ปล่อยกู้อันดับที่ 16 และให้บริการทางการเงินแก่บริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งของสหรัฐฯ ได้มีการประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน ในวันที่ 9 มี.ค. เพื่อชดเชยผลขาดทุนจากการขายพันธบัตรรัฐบาลที่ SVB ถืออยู่ออกไป จากความจำเป็นที่ต้องนำเงินมาเสริมสภาพคล่องหลังจากที่มีกลุ่มลูกค้าหรือผู้ฝากเงินรายใหญ่หลายรายของธนาคารถอนเงินฝากออกไป ซึ่งผู้ฝากเงินรายใหญ่ของ SVB ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Venture Capital (VC) และ Start Up โดยที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้มีความยากลำบากในการระดมทุนมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง นักลงทุนหรือผู้มีเงินทุนจึงเลือกที่จะลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยสูงขึ้น แทนการลงทุนในกิจการ Start Up ที่มีความเสี่ยงสูง หลังจากที่ SVB เปิดเผยว่าธนาคารมีผลขาดทุนจากการขายพันธบัตรรัฐบาล และมีการประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน ส่งผลให้ผู้ฝากเงินของ SVB หลายรายมีความกังวลใจขอถอนเงินออกจากธนาคาร จึงเป็นที่มาให้วันที่ 10 มี.ค. หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำสั่งปิด SVB เป็นการชั่วคราว และแต่งตั้ง FDIC (สถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ) เข้ามาดูแลสินทรัพย์ที่เหลือ อย่างรวดเร็ว


ผลกระทบต่อการลงทุน


แม้ข่าวการปิด SVB จะเป็นที่สนใจ นักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลจนทำให้ตลาดหุ้นหลายตลาดมีการปรับตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปัญหาของ SVB ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ธนาคารมีหนี้เสีย (NPL) ล่าสุดเมื่อ 12 มี.ค. มีการแถลงการร่วมจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) ว่าเงินฝากทั้งหมดของ SVB จะได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนและจะสามารถถอนเงินได้ในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. จึงคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลง แม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้างก็ตาม

สำหรับกองทุนรวมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นหรือกองทุนผสม ส่วนใหญ่จะมีการกระจายการลงทุนในหลายหลักทรัพย์ไม่กระจุกตัวในหุ้นใดเป็นพิเศษ รวมถึงหากไม่ใช่กองทุนกองทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหรือกองทุนที่เน้นธีมการลงทุน ก็จะมีการกระจายลงทุนในหลายอุตสาหกรรมด้วย ทำให้ผลกระทบจากธนาคาร SVB หรือความกังวลในหุ้นกลุ่มการเงิน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกองทุนส่วนใหญ่มากนัก ยกตัวอย่างเช่น หากพิจารณาสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มการเงิน (Financials) พบว่ากองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นสหรัฐฯ อย่าง K-USA มีการลงทุนเพียง 2.3% (ข้อมูล ณ 31 ม.ค.) K-US500X ลงทุน 14.5% (ข้อมูล ณ 9 มี.ค.) ส่วนกองทุนผสมอย่าง K-GINCOME มีการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินเพียงประมาณ 5% (ข้อมูล ณ 31 ม.ค.) เท่านั้น


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ลงทุนยังไม่จำเป็นต้องกังวลใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ SVB มากนัก โดยคำแนะนำการลงทุนในกองทุนต่างๆ ยังคงพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมของสินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนได้ เช่น

• ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หรือผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ยังไม่แนะนำให้รีบลงทุน โดยแนะนำให้รอประเมินสถานการณ์ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวแนะนำถือต่อได้​

• ผู้ที่ถือกองทุนผสม ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ยังสามารถถือลงทุนต่อได้ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดอาจยังมีความผันผวน ไม่แนะนำให้ลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว แนะนำให้ทยอยลงทุนหลายครั้ง (เช่น 3-5 ครั้ง จากเงินลงทุนที่ตั้งใจ) เพื่อลดความเสี่ยงลง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
 KAsse
​, Ryt9

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



บทความโดย K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ

KBank LIVE
 

ติดตามข่าวสารการเงินจาก
K WEALTH ฟรี!