ประเด็นร้อน : เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงเกินคาด หวั่น FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก


"

• กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า FED อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด และบรรดาเจ้าหน้าที่ FED สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ

• ผู้ที่รับความเสี่ยงและลงทุนระยะยาวได้ แนะนำลงทุนกองทุน K-CHINA-A(A) หรือ K-GINCOME-A(A)


"


17 ก.พ. 66 ราคากองทุนหลักของ K-USA (US Advantage) ปรับตัวลดลง -3.67% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ณ 17 ก.พ. 66 ปรับตัวลดลง -3.48% เทียบกับวันก่อนหน้าเช่นกัน ในขณะที่ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดปิดผสมผสาน โดยดัชนี Nasdaq -0.58% S&P 500 -0.28% ส่วนดัชนี Dow Jones +0.39% เทียบกับวันก่อนหน้า


ทำไมกองทุน K-USA ถึงปรับตัวลดลง


กองทุน K-USA ปรับตัวลดลงมากกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกองทุน K-USA ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Information Technology ด้วยสัดส่วน 36.55% (ณ 31 ม.ค. 66) มีการปรับตัวลดลงหากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักของ K-USA ลงทุนมากที่สุด ณ 31 ม.ค. 66 คิดเป็นสัดส่วนรวม 58.17% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลดลง แต่มีเพียง 1 หลักทรัพย์เท่านั้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง


จากตารางพบว่า ณ 17 ก.พ. 66 มีอยู่ 9 หลักทรัพย์ จาก 10 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนรวม 52.25% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลดลงเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีอยู่ 4 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 20.93% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวลดลงมากกว่า 5% เทียบกับวันก่อนหน้า ได้แก่

Snowflake Inc ผู้ให้บริการระบบ Cloud และเน้นจัดการฐานข้อมูล
Cloudflare Inc ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ สร้างแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการเครือข่ายหลากหลายแก่ธุรกิจ
Doordash Inc ผู้ให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน
Chewy Inc ผู้ให้บริการร้านค้าปลีกออนไลน์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

จะเห็นว่ากองทุน K-USA เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมถึงมีการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงมีความผันผวน และราคาสามารถปรับขี้นหรือลงได้แรงกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรเข้าใจความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีสติ

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ 17 ก.พ. 66 ปิดผสมผสาน โดยสาเหตุที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด และบรรดาเจ้าหน้าที่ FED ได้แสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ตลาดแรงงานตึงตัว และการใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้นตัว ซึ่งเปิดโอกาสให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ด้านโกลด์แมน แซคส์และแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ และปรับขึ้นครั้งละ 0.25% ส่วนบรรดาเทรดเดอร์ คาดว่า FED อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ 5.3% ภายในเดือนก.ค. ขณะที่ FED พยายามจะลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อลง

ในส่วนของนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับนโยบายการเงินของ FED หลังจากนางมิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการ FED กล่าวว่า FED จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะมีความคืบหน้าในการจัดการกับเงินเฟ้อ ด้านนายโธมัส บาร์กิ้น ประธาน FED สาขาริชมอนด์ ระบุว่า FED ยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่อาจปรับขึ้นในอัตรา 0.25%

นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลง ณ 17 ก.พ. 66 ยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นไมโครซอฟท์และอินวิเดีย โดยหุ้นไมโครซอฟท์ คอร์ป ร่วงลง 1.6% และหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 2.8%


มุมมองการลงทุน


Morgan Stanley บริษัทให้บริการทางการเงินระดับโลก และเป็นกองทุนหลักของ K-USA เตือนแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังราคาไม่สอดคล้องความจริง โดยให้มุมมองว่า หุ้นสหรัฐฯ ไม่สนใจ FED ที่จะยังคงใช้นโยบายการเงินเข้มงวดต่อไปและความเป็นจริงของกำไรที่ถดถอย เนื่องจากราคาไม่เชื่อมโยงกับความเป็นจริง โดยหุ้นสหรัฐฯ พร้อมที่จะถูกเทขาย หลังราคาพุ่งก่อนที่ควรจะเป็น เนื่องจากมองว่า FED จะค่อยๆ ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราว


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ แนะนำให้หาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุน เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ตามที่แนะนำไปในบทความ “ประเด็นร้อน : กอง K-USA บวกรับตัวเลขยอดค้าปลีก-หุ้นกลุ่มเทคฯ ฟื้น” เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 66 ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน

สำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทน รับความเสี่ยงได้ หรือมีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA

สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
KAsset
Ryt
Finnomena

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
Back to top