ประเด็นร้อน : กองทุน K-USA ผันผวน บวกสวนทางตลาด แนะลดสัดส่วนลงทุน



"


• กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ

• ผู้ที่รับความเสี่ยงและลงทุนระยะยาวได้ แนะนำลงทุนกองทุน K-GINCOME-A(A) หรือ K-CHINA-A(A)


"


8 ก.พ. 66 ราคากองทุนหลักของ K-USA (US Advantage) ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.45% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ณ 8 ก.พ. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.22% เทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดที่ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนี Nasdaq -1.68% S&P 500 -1.11% และ Dow Jones -0.61% เทียบกับวันก่อนหน้า

ทำไมกองทุน K-USA ถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น


กองทุน US Advantage Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ K-USA ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.45% สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยหากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักของ K-USA ลงทุนมากที่สุด ณ 31 ธ.ค. 65 คิดเป็นสัดส่วนรวม 57.23% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลง แต่มีเพียง 2 หลักทรัพย์เท่านั้นที่ราคาปรับตัวขึ้น โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง


https://console.kasikornbank.com:2578/th/kwealth/PublishingImages/a246-trigger-usa-market-update/K-CHINA-A(A)201x298.jpgจากตารางพบว่า ณ 8 ก.พ. 66 มีอยู่ 2 หลักทรัพย์ จาก 10 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนรวม 11.53% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีอยู่ 1 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 7.13% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% เทียบกับวันก่อนหน้า โดย 2 หลักทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่
Uber Technologies Inc ผู้ให้บริการเครือข่ายคมนาคม
Datadog Inc ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มมอนิเตอร์และเก็บข้อมูลความมั่นคงปลอดภัย

จะเห็นว่ากองทุน K-USA เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมถึงมีการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงมีความผันผวน และราคาสามารถปรับขี้นหรือลงได้แรงกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรเข้าใจความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีสติ

ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ 8 ก.พ. 66 ปรับตัวลดลงหลังจากที่เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ออกมาสนับสนุนให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการ FED กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยแห่งรัฐอาคันซอส์ว่า ภารกิจของ FED ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ ทำให้ FED จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง

ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธาน FED สาขานิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า FED จำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับคุมเข้ม (Restrictive Level) ต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำเท่ากับในช่วงก่อนโควิด-19 จะแพร่ระบาด

ขณะที่นายเอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท Oanda กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากการแสดงความเห็นของนายวิลเลียมส์และนายวอลเลอร์ ซึ่งได้บั่นทอนความหวังของนักลงทุนที่ว่า FED จะผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยี โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 4.27% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.77% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.31% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2.79% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 3% นอกจากนี้ หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ได้ร่วงลง 7.68% หลังจากมีรายงานว่า บาร์ด เอไอ (Bard A.I.) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ที่ทางบริษัทเป็นผู้พัฒนาขึ้นนั้นตอบคำถามผิดในระหว่างงานโปรโมทแชตบอตซึ่งอัลฟาเบทจัดขึ้นทางออนไลน์เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 66


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ แนะนำให้หาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุน เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน

สำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทน รับความเสี่ยงได้ หรือมีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA ที่ราคากองทุนปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนพ.ย. 65

สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
KAsset, Ryt9

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
Back to top