ประเด็นร้อน : กอง K-USA บวกรับตัวเลขยอดค้าปลีก-หุ้นกลุ่มเทคฯ ฟื้น แนะหาจังหวะขายทำกำไร




"


• กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค. ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้น แนะนำลดสัดส่วนการลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ

• ผู้ที่รับความเสี่ยงและลงทุนระยะยาวได้ แนะนำลงทุนกองทุน K-CHINA-A(A) หรือ K-GINCOME-A(A)


"


15 ก.พ. 66 ราคากองทุนหลักของ K-USA (US Advantage) ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.38% เทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคากองทุน K-USA ณ 15 ก.พ. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.37% เทียบกับวันก่อนหน้าเช่นกัน ในขณะที่ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี Nasdaq +0.92% S&P 500 +0.28% และ Dow Jones +0.11% เทียบกับวันก่อนหน้า

ทำไมกองทุน K-USA ถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น


กองทุน K-USA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยกองทุน K-USA ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Information Technology ด้วยสัดส่วน 36.55% (ณ 31 ม.ค. 66) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น หากพิจารณาหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักของ K-USA ลงทุนมากที่สุด ณ 31 ม.ค. 66 คิดเป็นสัดส่วนรวม 58.17% ของมูลค่ากองทุน พบว่า ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มีเพียง 2 หลักทรัพย์เท่านั้นที่ราคาปรับตัวลดลง โดยมีรายละเอียดตามตารางด้านล่าง



จากตารางพบว่า ณ 15 ก.พ. 66 มีอยู่ 8 หลักทรัพย์ จาก 10 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนรวม 45.46% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบกับวันก่อนหน้า โดยมีอยู่ 2 หลักทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วน 9.78% ของมูลค่ากองทุน ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เทียบกับวันก่อนหน้า จากผลประกอบการบริษัทไตรมาส 4 ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้แก่

The Trade Desk, Inc ผู้ให้บริการการตลาดแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์สำหรับผู้ซื้อโฆษณาดิจิทัล

Doordash Inc ผู้ให้บริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน

จะเห็นว่ากองทุน K-USA เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเชิงรุก (active management) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมถึงมีการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงมีความผันผวน และราคาสามารถปรับขี้นหรือลงได้แรงกว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือสวนทางกับดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงควรเข้าใจความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสาร อัปเดตสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีสติ

ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ณ 15 ก.พ. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค. แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% หลังจากดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. โดยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นนั้นได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์และน้ำมันในสถานีบริการน้ำมัน

ด้านรอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird ในรัฐเคนตักกี กล่าวว่า ในช่วงแรกนักลงทุนขานรับรายงานยอดค้าปลีกอย่างคึกคักเนื่องจากเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หลังจากนั้น นักลงทุนเริ่มมองว่า ความแข็งแกร่งของยอดค้าปลีกประกอบกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ที่ออกมาสูงกว่าคาดนั้น จะทำให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group ได้บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้ง สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25%-5.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. พ.ค. และมิ.ย. 66

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หลายคนของ FED ได้ออกมาสนับสนุนให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยนายแพทริก ฮาเกอร์ ประธาน FED สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า FED จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่เหนือระดับ 5% หรืออาจจะสูงกว่านั้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธาน FED สาขานิวยอร์กแสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ 5% - 5.5% ภายในสิ้นปีนี้ถือเป็นกรอบที่เหมาะสม เพื่อฉุดตัวเลขเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

นอกจากนี้ การที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวพุ่งขึ้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 1.16% และหุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.39%


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, K-US500X, K-USXNDQ แนะนำให้หาจังหวะขายหรือลดสัดส่วนการลงทุน เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุน ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน

สำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทน รับความเสี่ยงได้ หรือมีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนกองทุนหุ้นจีน เช่น K-CHINA

สำหรับผู้ที่ยังกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก KAsset, Ryt9

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER สุวิมล ยิ่งเจริญรุ่งโรจน์ CFP®
Back to top