ประเด็นร้อน : ก้าวสำคัญปี 66 จีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เศรษฐกิจ การค้า เตรียมกลับมาคึกคัก



"


• จีนประกาศยกเลิกการกักตัว 5 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีน เริ่มตั้งแต่ 8 ม.ค. 66 ประกอบกับปรับลดแผนควบคุมโรค COVID-19 จากชั้น A เป็นชั้น B หรือเป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อยลง เพิ่มโอกาสที่จะเห็นชาวจีนเดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศได้เร็วขึ้น


• การยกเลิกการกักตัวเป็นสัญญาณดีต่อกองทุนหุ้นจีน หุ้นไทยของบริษัทที่มีการค้าขายกับจีน รวมถึงผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนด้วย


• ยังต้องจับตาผลกระทบของการแพร่กระจาย COVID-19 ที่อาจมากขึ้น หลังยกเลิกมาตรการ และเปิดเมืองมากขึ้น


"


26 ธ.ค. 65 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงว่าจีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ เหลือเพียงตรวจเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทาง 48 ชั่วโมง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 หลังจากที่มาตรการนี้มีการบังคับใช้มานาน 3 ปี อีกทั้งยังประกาศผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับ COVID-19 จากระดับชั้น A (Category A) ลดลงเป็นระดับชั้น B (Category B) หรือเป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อยลง

ส่งผลทั้งผู้ลงทุนและผู้ประกอบการมีความหวังที่จะเห็นจีนเปิดประเทศเร็วขึ้น จากเดิมที่คาดว่าเริ่ม Q2/66 ซึ่งจะทำให้กิจการในประเทศไทย เช่น โรงแรม การท่องเที่ยว ฯลฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีประกาศให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศก็ตาม


ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการยกเลิกการกักตัว


นอกจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศจีนมากขึ้น ทั้งเพื่อการทำงาน ทำธุรกิจ และท่องเที่ยวแล้ว ยังส่งผลต่อหุ้นของบริษัทไทย หรือผู้ประกอบการที่มีการค้าขายกับประเทศจีน และสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น

ผู้ประกอบการหรือหุ้นของบริษัท ที่มีการทำธุรกิจในประเทศจีน จะได้ประโยชน์จากกิจกรรมเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมา

ผู้ประกอบการหรือหุ้นของบริษัท ที่มีการส่งออกไปยังประเทศจีน อาจเริ่มมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยสินค้าที่มีการส่งออกไปจีนมากที่สุด 5 อันแรก ได้แก่ (1) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (2) ผลิตภัณฑ์ยาง (3) เม็ดพลาสติก (4) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และ (5) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

หุ้นของบริษัทสายการบิน ที่จะได้ประโยชน์จากเที่ยวบินไปจีนมากขึ้น

ราคาน้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้พลังงานที่มากขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมา แม้หลายประเทศอาจเผชิญกับความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ค่าเงินหยวนของจีน จะมีความผันผวน โดยจะแข็งค่าในระยะสั้นหลังข่าวยกเลิกมาตรการกักตัว แต่คาดว่าจะกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งและจะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนที่อาจสูงขึ้น


ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หากเปิดให้คนจีนออกนอกประเทศ


ผู้ประกอบการหรือหุ้นของบริษัทที่มีลูกค้าหรือรายได้เกี่ยวข้องกับชาวจีน มีโอกาสได้รับประโยชน์จากคนจีนที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งในช่วงก่อน COVID-19 ไทยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนในสัดส่วนที่สูงถึง 30%ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด เช่น

หุ้นหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มสายการบิน กลุ่มโรงแรม ที่จะมีผู้ใช้บริการชาวจีนมากขึ้น

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ที่เน้นลูกค้าชาวจีน เช่น ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ที่เน้นขายให้กับผู้ซื้อชาวจีนเป็นหลัก

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลของบริษัท ที่มีเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In-Vito Fertilization) ซึ่งชาวจีนถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของธุรกิจนี้

ค่าเงินบาทของไทย อาจแข็งค่าขึ้น จากดุลบริการที่มากขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามา


สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง


ผลกระทบเชิงสุขภาพและจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ของชาวจีน หลัง 8 ม.ค.65 เพราะแม้ชาวจีน 90%จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่เป็นวัคซีนแบบเชื้อตาย ซึ่งจากผลวิจัยพบว่ามีประสิทธิภาพต่ำกว่าวัคซีนแบบ mRNA และ Viral Vector ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อีกทั้งคนกลุ่มเสี่ยง (ผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป) มีเพียง 40% ที่มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 แล้ว

1 ธ.ค. The Economist ซึ่งเป็นวารสารระหว่างประเทศ ได้ประเมินว่าหากจีนเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 14 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวม 680,000 คน และอาจมีความเสี่ยงที่ ห้อง ICU จะไม่เพียงพอ

สอดคล้อง ความเห็นของนักระบาดวิทยาและเจ้าหน้าที่สุขภาพระดับสูงของจีน เมื่อ 19 ธ.ค. ที่เปิดเผยว่าจีนจะเผชิญการระบาด COVID-19 3 ระลอกในฤดูหนาวนี้ ตั้งแต่ ปัจจุบัน-ช่วงเทศกาลตรุษจีน-หลังเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่คนจีนหลายล้านคนเดินทางกลับไปรวมญาติเพื่อเฉลิมฉลองวันปีใหม่จีน และเดินทางกลับมาทำงาน ประกอบกับผลการวิจัยของทีมอดีตคณบดีประจำคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ที่บ่งชี้ว่า คนจีนกว่า 2 ล้านคน อาจเสียชีวิตจากโรค COVID-19 ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการควบคุม อย่างรวดเร็ว

มุมมอง


บล.กสิกรไทย มองว่าผู้ถือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากจีน ควรหาจังหวะขายช่วงต้นปี 66 เพราะมีโอกาสที่หุ้นกลุ่มนี้จะถูกขายหลังการเก็งกำไรจากข่าวการยกเลิกมาตรการกักตัว

การยกเลิกมาตรการกักตัว หลายคนมองเป็นสัญญาญบวกที่จีนอาจกลับมาเปิดเมืองเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลดีต่อกองทุนหุ้นจีน อย่างไรตามเมื่อมีการเปิดเมืองหุ้นจีนกลุ่ม H-Shares มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้มากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น จึงควรเลือกกองทุนให้เหมาะสม เช่น กองทุน K-CHINA ที่มีการลงทุนใน H-Shares ที่สัดส่วน 11.2% (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 65)

ควรมีการกระจายการลงทุนนอกเหนือจากกองทุนหุ้นจีน เนื่องจากการยกเลิกมาตรการกักตัว ไม่เพียงส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีน ยังส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและสินทรัพย์การลงทุนอื่นด้วย อีกทั้งยังเป็นการลดผลกระทบหากยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในจีนเพิ่มสูงขึ้นด้วย

สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้ลงทุนหุ้น ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากชาวจีนที่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ควรติดตามประกาศและมาตรการอื่นเพิ่มเติม เพราะปัจจุบันประกาศของจีนเกี่ยวข้องเฉพาะผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนเท่านั้น


คำแนะนำ


ผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีน (เช่น K-CHINA K-CHX K-CCTV) สามารถถือลงทุนต่อได้ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม แนะนำลงทุนกองทุน K-CHINA เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว หรือสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี สามารถพิจารณาลงทุนในกองทุน K-CHINA-SSF และ KCHINARMF

ผู้ที่กังวลกับเศรษฐกิจโลกหรือความผันผวนการลงทุนปีหน้า แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ หรือกองทุน K-GINCOME-SSF และ KGINCOMERMF เพื่อเป็นทางเลือกในการลดหย่อนภาษี

สำหรับผู้ต้องการพักเงินเพื่อจับจังหวะการลงทุนอีกครั้ง แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A ที่เหมาะกับระยะเวลาพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป หรือสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีภายในปลายปีนี้ สามารถพิจารณาลงทุนใน K-SF-SSF และ KSFRMF ก่อน แล้วหาโอกาสสับเปลี่ยนในกลุ่มกองทุน SSF หรือ RMF เดียวกันในภายหลัง

ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับชาวจีน แนะนำเตรียมธุรกิจให้พร้อมรับลูกค้าและคู่ค้าชาวจีนที่จะเพิ่มขึ้น โดยระมัดระวังในการขอสินเชื่อเพิ่มเท่าที่จำเป็น เพราะอาจกระทบต้นทุนจากดอกเบี้ยสินเชื่อที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก KBank Capital Markets Research, RYT9, FINNOMENA

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
Back to top