ประเด็นร้อน: ราคาน้ำมันขยับขึ้น หลังรัสเซียประกาศลดกำลังผลิต

กดฟัง
หยุด
ประเด็นร้อน: ราคาน้ำมันขยับขึ้น หลังรัสเซียประกาศลดกำลังผลิต


"


• กองทุนน้ำมันปรับตัวขึ้น ในวันศุกร์ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากการที่รัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบลงในเดือน ธ.ค.และอาจลดลงอีกในช่วงต้นปี 66


• สำหรับผู้ที่ถือกองทุน K-OIL อยู่ หากมีกำไร แนะนำให้ขายคืนทั้งหมด เนื่องจากปีหน้าราคาน้ำมัน ยังต้องเผชิญทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ


"


ราคากองทุน K-OIL ณ 23 ธ.ค. 65 (ประกาศคืนวันที่ 26 ธ.ค.) ราคามีการปรับตัวขึ้น +2.42% เทียบกับวันทำการก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุน K-OIL ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ติดลบอยู่ที่ -1.40% -17.80% และ -4.17% ตามลำดับ


ทำไม น้ำมันดิบถึงปรับตัวขึ้น


ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากภูมิภาคบอลติกของรัสเซียเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มลดลง 20% เทียบกับเดือน พ.ย. หลังจากสหภาพยุโรป (EU) และประเทศกลุ่ม G7 ออกมาตรการคว่ำบาตรและควบคุมเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียไปตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.

อีกทั้งทางการรัสเซียโดยรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัสเซียอาจปรับลดการผลิตน้ำมันลง 5%-7% ในช่วงต้นปี 2566 เพื่อตอบโต้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ด้วยการหยุดขายให้กับประเทศที่สนับสนุนมาตรการดังกล่าว

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีแผนที่จะซื้อน้ำมันเพิ่มเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR: Strategic Petroleum Reserve) ซึ่งเป็นคลังที่ภาครัฐใช้เก็บสำรองน้ำมันดิบหรือน้ำมันสำเร็จรูป โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของชาติ ที่จะนำมาใช้กรณีมีความจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น หลังจากที่ปริมาณน้ำมันสำรองใน SPR เหลือประมาณ 380 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527

ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นการซื้อครั้งแรกนับตั้งแต่มีการประกาศปล่อยน้ำมันสำรอง 180 ล้านบาร์เรล ตอนเดือน มี.ค. ปีนี้ เพื่อต่อสู้กับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากเหตุความไม่สงบระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ของโลก โดยหากเปรียบเทียบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในตลาดโลกต่อวัน ซึ่งอยู่ที่ประมาณวันละ 93 ล้านบาร์เรล แผนการซื้อน้ำมันดังกล่าวจึงส่งผลต่อราคาน้ำมันโลก


ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบ ที่ต้องติดตาม


ปัจจัยลบ


การยกเลิกสายการบินในสหรัฐฯ กว่า 4,400 เที่ยว จากสถานการณ์พายุหิมะ ทำให้ความต้องการในการเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุดชะลอตัวลง ส่งผลกระทบเชิงลบต่อความต้องการใช้พลังงานและราคาน้ำมันในระยะสั้น

ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่หลายคนมีความกังวลว่าอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานลดลง ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาน้ำมันในช่วงปีหน้าได้


ปัจจัยบวก


กลุ่ม OPEC+ ที่เริ่มลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ไปจนถึงสิ้นปี 2566 ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ป้อนตลาดโลกลดลง ซึ่งหากความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกยังไม่เปลี่ยนแปลง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานไม่มากนัก ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นหรือผันผวนน้อยลงได้

การผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 และความคาดหวังในการการเปิดเมืองของจีน ที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ และความต้องการใช้พลังงานกลับมา ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันโลก ท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยได้


คำแนะนำการลงทุน


ผู้ที่ถือกองทุนน้ำมัน (เช่น K-OIL) แนะนำให้พิจารณาขายคืนทั้งหมดหากมีกำไร โดยหากพิจาณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี (ณ 23 ธ.ค. 65) พบว่ากองทุน K-OIL ยังคงมีผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ +11.69 % +10.33% และ +7.18%ต่อปี ตามลำดับ ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม ไม่แนะนำให้ลงทุน

ผู้ที่กังวลกับเศรษฐกิจโลกหรือความผันผวนการลงทุนปีหน้า แต่ยังคงรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้หรือต้องการรับผลตอบแทนระยะยาว แนะนำลงทุนกองทุนผสม เช่น กองทุน K-GINCOME-A(A) ที่มีการแบ่งสัดส่วนและกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นที่กระจุกตัวเพียงบางประเทศ

สำหรับผู้ต้องการพักเงินเพื่อจับจังหวะการลงทุนอีกครั้ง แนะนำพักเงินในกองทุน K-SF-A ที่เหมาะกับระยะเวลาพักเงิน 3 เดือนขึ้นไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก RYT9, POST TODAY, BBC NEWS

Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”



คำเตือน


ผู้เขียน

K WEALTH TRAINER ราชันย์ ตันติจินดา CFP®
Back to top